ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/222597
วันจันทร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
นายอุทัย นพคุณวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 (สวพ.1) เปิดเผยว่า ส้มเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่มีการปลูกหลายพื้นที่ของประเทศ แต่มีปัญหา คือ การทำลายของศัตรูส้ม โดยเฉพาะโรคทริสเตซ่าจากเชื้อไวรัส โรคกรีนนิ่งจากเชื้อแบคทีเรีย โรครากเน่าและโคนเน่าจากเชื้อราไฟทอฟธอร่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ สวพ.1 จึงได้ศึกษาวิธีแก้ปัญหาตั้งแต่เริ่มปลูกโดยใช้ต้นพันธุ์หรือกิ่งพันธุ์ปลอดโรค อีกทั้งการใช้ต้นส้มที่มีระบบรากที่แข็งแรงทนทานต่อโรครากเน่า โคนเน่า
“ส้มปลอดโรค คือ ต้นส้มที่ปลอดจากโรคทริสเตซ่า โรคกรีนนิ่ง หรือโรคจากเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ จะต้องเป็นต้นพันธุ์ที่ได้
จากการติดตาบนต้นตอ พันธุ์ส้มที่นิยมใช้เป็นต้นตอได้แก่ คลีโอพัตราแมนดาริน โวคาเมอเรียน่าเลมอน และแรงเปอร์ไลม์ ซึ่งต้นตอแต่ละชนิดมีความทนทานต่อโรคต่างกัน” นายอุทัย กล่าว
สำหรับขั้นตอนการติดตาบนต้นตอ ประกอบด้วย 1.การเพาะเมล็ดต้นตอ โดยวัสดุที่ใช้ในการเพาะเมล็ดต้นตอ คือ ทรายและแกลบดำในอัตรา 1:1 โรยเมล็ดเป็นแถวให้เมล็ดอยู่ลึก 0.5-1 ซม. กลบด้วยวัสดุเพาะ รดน้ำให้ชุ่ม 2-3 สัปดาห์ เมล็ดจะเริ่มงอก จึงทำการย้ายต้นกล้า เมื่อใบชุดแรกแข็งแรงดีและใบเลี้ยงเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ต้นกล้าสูง 3-5 ซม. ให้ใส่ลงในถุงพลาสติกขนาด 3×12 นิ้ว ปฏิบัติดูแลรักษาจนต้นส้มอายุ 4-6 เดือน หรือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 0.5 ซม. จึงทำการติดตา 2.ขั้นตอนการติดตา ทำการติดตาสูง 20-30 ซม. เฉือนต้นตอเป็นรูปโล่และทำบ่าที่ด้านล่างของรอยแผล จากนั้นเฉือนแผ่นตาพันธุ์ดีแบบรูปโล่ โดยตัดหลังปากแผลด้านล่างให้เป็นรูปสิ่ว สอดแผ่นตาจากด้านบนลงด้านล่างให้เข้ากันสนิท พันด้วยพาราฟิล์มให้แน่น ประมาณสองสัปดาห์ตาจะเริ่มแตก ประมาณ 6 เดือนจึงจะสามารถนำไปปลูกได้