10เครื่องแต่งกายทำลายสุขภาพ ใส่นานยิ่งส่งผลเสีย-รีบเปลี่ยน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/224692

วันศุกร์ ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 18.15 น.

การแต่งตัวให้สวยงามและเหมาะสมกับสถานที่ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน ซึ่งเป็นการช่วยเสริมบุคลิกภาพความมั่นใจ แต่คุณหรือไม่ว่าเครื่องแต่งกายบางชนิดอาจนำมาพร้อมผลเสียทำลายสุขภาพของคุณได้

วันนี้เราจึงมี 10 เครื่องแต่งกายที่อาจทำลายสุขภาพของคุณ มานำเสนอ เพื่อให้คุณได้เลือกเครื่องแต่งกายได้อย่างถูกใจโดยไม่ส่งผลต่อสุขภาพ

1. กางเกงยีนส์ทรงเดฟ

กางเกงยีนส์ทรงเดฟจะบีบรัดเส้นประสาทในขาหนีบและขาทำให้เลือดไหลเวียนไปที่ขาท่อนล่างน้อยลงจนกล้ามเนื้อเสียหาย บวมและชา นอกจากนี้การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปจะทำให้เกิดการเสียดสีกับผิวหนังซึ่งอาจไปรบกวนเกราะป้องกันผิวที่ช่วยปกป้องคุณจากการติดเชื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเสื้อผ้ารัดรูปจะทำให้คุณเหงื่อออกมากขึ้นจนกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา ไวรัส และแบคทีเรีย คุณอาจต้องใช้ยาแก้แพ้ ครีมต้านเชื้อราหรือยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดผื่นคัน หากต้องการใส่กางเกงยีนส์ทรงเดฟควรเลือกชนิดที่ยืดได้บ้าง ซักหลังใส่ทุกๆ 2-3 ครั้ง และหลีกเลี่ยงการนั่งยองเป็นเวลานานๆ

2. เสื้อรัดรูปและชุดกระชับสัดส่วน

ถุงน่องและชุดกระชับสัดส่วนที่ดูเหมือนว่าไม่มีอันตรายแต่พวกมันสามารถทำลายสุขภาพของคุณได้ไม่ต่างจากผ้ายีนส์ ชุดกระชับสัดส่วนที่รัดแน่นเกินไปจะบีบอวัยวะทำให้ปวดท้องและกรดไหลย้อน ทางที่ดีควรเลือกใส่เฉพาะในโอกาสพิเศษและจำกัดเวลาในการใส่ด้วย

3. ชุดจั๊มพ์สูทขาสั้น

แม้ว่าจะสวมใส่ง่ายแต่กลับยุ่งยากเวลาถอดเมื่อคุณต้องการเข้าห้องน้ำ ด้วยเหตุนี้อาจทำให้คุณเข้าห้องน้ำน้อยลง อั้นปัสสาวะจนทำให้เกิดอาการปวดเหนือกระดูกหัวหน่าวหรือที่หลังส่วนล่าง เป็นไข้ รู้สึกเจ็บปวดเวลามีเซ็กส์ รวมถึงอาการอื่นๆ ที่มาพร้อมกับการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ดังนั้นคุณควรดื่มน้ำตามปกติและจัดเวลาเข้าห้องน้ำอย่างน้อยทุกๆ 3 ชั่วโมง

4. จีสตริง

เมื่อสายของกางเกงในจีสตริงสัมผัสกับจุดซ่อนเร้นของคุณอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียและไวรัสแพร่กระจาย ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอดได้ ทางที่ดีคุณควรเลือกใส่กางเกงในที่พอดีตัวจะให้ผลดีมากกว่า

5. ชุดนอน

การเปลี่ยนชุดนอนมีความสำคัญไม่ต่างจากการเปลี่ยนชุดชั้นในโดยเฉพาะผู้ที่นอนโดยไม่สวมชุดชั้นใน คุณคงไม่อยากให้ชุดนอนสกปรกสัมผัสกับท่อปัสสาวะเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียสามารถเพิ่มจำนวนขึ้นได้ในบริเวณนั้น การแก้ปัญหาง่ายๆ คือนอนในชุดนอนที่สะอาดทุกคืน (หรืออย่างน้อยก็ควรสวมชุดชั้นในที่สะอาด)

6. กางเกงเลกกิ้ง

กางเกงเลกกิ้งเป็นเสื้อผ้าที่แนบชิดร่างกายและเมื่อถูไปมากับผิวหนังจะยิ่งดูดซับเหงื่อและน้ำมันมากขึ้นซึ่งเป็นการสะสมสิ่งสกปรก ดังนั้นการใส่กางเกงเลกกิ้งไปออกกำลังกายติดต่อกันมากกว่า 2 ครั้งอาจทำให้เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา เช่น กลาก ผิวหนังลอกหรือตกสะเก็ด และมีผื่นคันได้

7. ชุดว่ายน้ำ

ชุดบิกินี่ท่อนล่างที่เปียกชื้นอาจจะกลายเป็นแหล่งสะสมของยีสต์และเชื้อแบคทีเรียเนื่องจากผ้าใยสังเคราะห์จะกักเก็บความชื้น แต่คุณไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ แค่เปลี่ยนท่อนล่างออกทันทีที่ว่ายน้ำเสร็จ นอกจากนี้บิกินี่ท่อนล่างที่รัดแน่นจะลดการไหลเวียนของอากาศที่บริเวณหว่างขาและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ดังนั้นควรเลือกชุดว่ายน้ำให้พอดีตัว ปราศจากรอยกดทับบนผิวหนัง และมีความยืดหยุ่นเพื่อป้องกันการอุดตันของต่อมเหงื่อและตุ่มแดงคันจากการเสียดสี

8. กางเกงยีนส์

กางเกงยีนส์หรือกางเกงอื่นๆ ที่มีตะขอ หมุด กระดุม เนื่องจากโลหะเหล่านี้มีแนวโน้มว่าจะผสมนิกเกิลซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองผิวมากที่สุด รวมถึงอาจทำให้เกิดผื่นใต้สะดือด้วย ทางแก้คือ เคลือบหมุดโลหะด้วยน้ำยาทาเล็บหรือใช้กระดาษกาวแผ่นเล็กๆ ติดไว้ก็จะช่วยกั้นโลหะเหล่านี้จากผิวของคุณได้แล้ว

9. รองเท้าส้นสูง

การใส่รองเท้าส้นสูงเพียงไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ในเวลาไม่กี่ปีอาจทำให้กล้ามเนื้อข้อเท้าไร้ความสมดุลและคุณอาจบาดเจ็บจากสาเหตุดังกล่าวได้ การยกส้นเท้า (ยืนเท้าเปล่าและเขย่งบนปลายเท้า) และการวางส้นเท้า (ยืนบนขอบบันไดและค่อยๆ ลดส้นเท้าลง) สามารถช่วยบำบัดได้

10. รองเท้าแตะ

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ารองเท้าแตะเป็นศูนย์รวมของทุกสิ่งที่น่าขยะแขยงไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้หากหนังหุ้มด้านข้างเล็บหรือผิวหนังฉีกขาดและไม่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นรองเท้าแตะจะทำให้ปวดส้นเท้า นิ้วเท้าผิดรูป และส่งผลกระทบต่อท่าทางจนทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยและเจ็บปวดอื่นๆ ตามมา

ที่มา : issue247

Leave a comment