ก.เกษตรฯเร่งแผนฟื้นฟูยูเนี่ยน หวังรัฐหนุนเงินประเดิมก้อนแรก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/223471

วันศุกร์ ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 14.46 น.

1 ก.ค. 59 นายพิเชษฐ์  วิริยะพาหะ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขปัญหาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด หลังจากที่สหกรณ์ฯคืนเจ้าหนี้สหกรณ์งวดแรก 600 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผล 60 ล้านบาท นับว่าแผนฟื้นฟูกิจการตามกระบวนการศาลล้มละลายกลาง วงเงิน 21,934 ล้านบาท มีแนวโน้มไปในทางที่ดี ความเชื่อมั่นของสมาชิกสหกรณ์เริ่มมีมากขึ้น แบ่งเป็นเงินชำระหนี้คืนเจ้าหนี้ 18,831 ราย ซึ่งกำหนดชำระคืนเงินต้นครบในครึ่งปีแรก

ขณะที่ กลุ่มเจ้าหนี้มีประกัน ค่าเช่า และค่าบริการ กำหนดชำระเงินต้นครบใน 5 ปี กลุ่มเจ้าหนี้มีประกัน(จำนอง ) ชำระดอกเบี้ยค้างครบใน 5 ปี และชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยครบใน 13 ปี  และกลุ่มเจ้าหนี้ที่เหลือ จำนวน 7 กลุ่ม  ชำระเงินต้นใน 5 ปีแรก จำนวน 32.78% และชำระคืนเงินต้นครบใน 26 ปี

รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่ากระทรวงเกษตรฯมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการและจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูกิจการ จำนวน 3 คณะ ได้แก่ 1. คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูกิจการ มีผู้แทนจากกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย. ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธาน 2. ศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูกิจการ มีรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์

3. คณะกรรมการกำกับการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ คณะกรรมการเจ้าหนี้ และผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูกิจการที่คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติคัดเลือก มีที่ปรึกษารมว.เกษตรฯ เป็นประธาน ซึ่งจะหาแนวทางจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับสนับสนุนการฟื้นฟูกิจการ โดยปลัดกระทรวงเกษตรฯจะนำข้อสรุปเสนอ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯพิจารณา และนำเข้าครม.เดือนส.ค.นี้

ด้านนายประกิต พิลังกาสา รองประธานกรรมการดำเนินการคนที่ 2 และประธานผู้บริหารแผนฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด กล่าวว่าสหกรณ์ฯ กำลังเจรจากับกระทรวงเกษตรฯในข้อตกลง 4 แนวทาง จะได้ข้อสรุปภายในเดือนสิงหาคมนี้ เช่น 1. กู้ยืมจาก กองทุนพัฒนาสหกรณ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้สหกรณ์ฯโดยมีอัตราดอกเบี้ย 4.5% ที่จะเกิดรายได้กลับสู่สหกรณ์แต่จะต้องมีผู้ค้ำประกันเงินกู้และเป็นภาระที่รัฐต้องตั้งงบประมาณเข้ากองทุนเพิ่มเติม

2.จัดตั้งกองทุนรวมของสหกรณ์ ให้สหกรณ์ต่างๆ นำเงินมาลงทุนในกองทุนโดยมีผู้เชี่ยวชาญมาบริหารจัดการ ซึ่งคาดว่าจะเป็นธนาคารกรุงไทย ทั้งนี้ คาดว่าจะมีเงินในกองทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท ได้ผลตอบแทนประมาณ 8% ส่งกลับเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ และให้กองทุนพัฒนาสหกรณ์จ่ายให้สหกรณ์ฯ คลองจั่นเป็นรายปี ประมาณปีละ 450 ล้านบาท แต่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้สหกรณ์ต่าง ๆ

3.ให้ธนาคารของรัฐปล่อยกู้ให้สหกรณ์ฯ คลองจั่นโดยคิดอัตราดอกเบี้ยต้นทุนให้รัฐชดเชยดอกเบี้ย และรัฐต้องชดเชยเงินกู้หากสหกรณ์ฯ คลองจั่นไม่สามารถชำระได้ เพื่อป้องกันประเด็นความอ่อนไหวและความเชื่อมั่นของลูกค้าธนาคาร

4.รัฐตั้งงบประมาณไปที่กองทุนพัฒนาสหกรณ์แล้วจัดตั้งกองทุนบุคคลโดยให้สหกรณ์ฯ คลองจั่นกู้เงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ไปลงทุนในกองทุนนี้โดยใช้หน่วยลงทุนมาค้ำประกันกับกองทุนพัฒนาสหกรณ์

“ตรงนี้เราก็คาดหวังให้รัฐเข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุนแนวทางที่ 2 เพราะเงินรายได้จากธุรกิจของสหกรณ์ ก็มีเพียง 100 กว่าล้านบาทต่อปีเท่านั้น มันไม่เพียงพอ เงินจากคดีความของดีเอสไอก็ยังอยู่ในกระบวนการ ยังไม่ได้รับตรงนั้นเลย ดังนั้นก็หวังว่าภาครัฐจะช่วยเหลือลงเงินสนับสนุนเงินประเดิมก้อนแรกเพื่อให้สหกรณ์ต่างๆ เชื่อมั่นและตั้งเป็นกองทุนของสหกรณ์โดยเฉพาะ “นายประกิต กล่าว

Leave a comment