ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/223387
วันศุกร์ ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
มะขามป้อม เป็นสมุนไพรตั้งแต่สมัยพุทธกาล ชาวอินเดียจึงเชื่อว่าต้นมะขามป้อมมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นแม่พระธรณีผู้หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์จึงนิยมบริโภคแพร่หลายในประเทศอินเดียซึ่งใช้ประกอบอาหาร เครื่องดื่ม และยารักษาโรค
ในประเทศไทย ผลมะขามป้อมใช้เป็นส่วนประกอบของตำรับยาพื้นบ้านและยาไทยแผนโบราณ โดยกระทรวงสาธารณสุขของไทย พบว่า น้ำมะขามป้อม เป็น 1 ใน 30 ของเครื่องดื่มสมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ลดรอยเหี่ยวย่นและชะลอความชราได้ถึงร้อยละ 80 ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ข้อเสื่อม อัมพาต และโรคที่เกิดจากความเสื่อมของวัย นอกจากนี้ มะขามป้อมยังเป็นพืชสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ใช้ทำผลิตภัณฑ์ยาหลายชนิด รวมทั้งตำรับยาอายุวัฒนะเก่าแก่ของอินเดียที่ใช้มานานกว่า 5,000 ปีแล้ว ชื่อว่า “ตรีผลา” ซึ่งประกอบด้วยผลไม้ 3 ชนิด คือ มะขามป้อม สมอไทย และสมอพิเภก มีสรรพคุณชะลอความชรา ช่วยรักษาสมดุลของธาตุทั้ง 4 ในร่างกาย และมีฤทธิ์ล้างพิษออกจากระบบต่างๆ ของร่างกาย ตำรับยานี้ เป็นสมุนไพรที่ทำให้ร่างกายสดชื่นและเป็นยาอายุวัฒนะ ขณะนี้ยังขาดวัตถุดิบอีกจำนวนมาก ส่วนใหญ่เก็บผลมะขามป้อมจากป่าซึ่งนับวันจะมีปริมาณผลผลิตลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากพื้นที่ป่าถูกทำลายและมีการเก็บเกี่ยวผลิตอย่างผิดวิธี

นายอุทัย นพคุณวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 1 (สวพ.1) กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการโครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตมะขามป้อมอย่างมีคุณภาพ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555-2558 วัตถุประสงค์เพื่อศึกษามะขามป้อมพันธุ์ดีมีผลใหญ่และมีปริมาณสารสำคัญสูงสำหรับใช้คัดเลือกพันธุ์ โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร และสถาบันวิจัยพืชสวน ได้สำรวจแหล่งปลูก/แหล่งที่พบมะขามป้อมในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันตก คัดเลือกต้นมะขามป้อมแบบ clonal selection ลักษณะที่คัดเลือก คือ ผลมีขนาดใหญ่ (เส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 2.5 ซม.) ผลผลิตสูง คุณภาพดีและมีปริมาณสารสำคัญสูง ขณะนี้ได้ต้นมะขามป้อมที่มีลักษณะดี จำนวน 65 สายต้น นำกิ่งพันธุ์ดีมาเปลี่ยนยอดบนต้นตอมะขามป้อมพื้นเมืองโดยใช้วิธีเสียบลิ่ม (Cleft grafting) ดูแลรักษาในโรงเรือนและนำลงปลูกในแปลงทดลองที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร นำตัวอย่างผลมะขามป้อมไปวิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญ (วิตามินซี สารประกอบฟีนอลิค และค่าดัชนีการต้านสารอนุมูลอิสระ) ดูแลรักษาต้นแม่พันธุ์มะขามป้อมไว้สำหรับขยายกิ่งพันธุ์ พื้นที่จำนวน 6 ไร่ และขณะนี้ได้เริ่มขยายผลในโครงการพระราชดำริจังหวัด
พะเยาและเชียงใหม่ โดยจัดทำแปลงแม่พันธุ์เพื่อใช้เป็นแหล่งขยายกิ่งพันธุ์ดีให้เกษตรกร สำหรับปลูกเป็นรายได้เสริมต่อไป

ปัจจุบันการขยายพันธุ์มะขามป้อมนั้น สามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่ 1.การเพาะเมล็ด เมล็ดมะขามป้อมมีสีดำอยู่ในกะลาแข็งถัดจากส่วนของเนื้อผล วิธีนี้ต้นมะขามป้อมจะใช้เวลานานในการออกดอกติดผล อาจใช้เวลา 6-7 ปี ทรงต้นจะสูงชะลูด นิยมใช้ต้นกล้าจากการเพาะเมล็ดมาผลิตเป็นต้นตอ 2.การทาบกิ่ง เตรียมต้นตออายุ 1 ปี ทาบบนต้นพันธุ์ดีที่ต้องการ ใช้เวลาเพียง 2-3 ปี ในการออกดอกติดผลและได้ทรงพุ่มที่เตี้ย เก็บเกี่ยวง่าย วิธีนี้จะเปลืองกิ่งพันธุ์ดี แต่จะได้ต้นกล้าที่แข็งแรง กิ่งมีขนาดใหญ่และโตเร็ว และ 3.การเสียบยอด เตรียมต้นตออายุ 1 ปี คัดเลือกยอดพันธุ์ดีมาเสียบยอด นิยมใช้วิธีเสียบลิ่ม (Cleft grafting) อบในถุงพลาสติกขนาดใหญ่ ขนาด 24 X 44 นิ้ว ใช้เวลาประมาณ 45 วัน รอยแผลจะเชื่อมติดกัน ค่อยๆให้อากาศภายนอกเข้าไปในถุง เพื่อให้ต้นกล้าปรับตัว ใช้เวลา 7-10 วัน จึงนำออกจากถุง วิธีนี้จะไม่เปลืองกิ่งพันธุ์ดีและผลิตได้ครั้งละจำนวนมาก

นอกจากนี้ มะขามป้อมยังเป็นพืชทนทานต่อสภาพแห้งแล้ง ซึ่งปัจจุบันสภาพภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ในสภาวะโลกร้อน การปลูกมะขามป้อมจากต้นเพาะเมล็ดใช้เวลา 7-10 ปี จึงออกดอกติดผล แต่หากปลูกจากกิ่งทาบหรือกิ่งเสียบยอดจะใช้เวลาเพียง 3-4 ปี เท่านั้น และยังเป็นพืชที่มีอายุยืนหลายสิบปี ปลูกเพียงครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้ยาวนานหลายสิบปีขึ้นอยู่กับการปฏิบัติดูแลรักษา อีกทั้งผลสดยังสามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลาย เช่น นำมาอบแห้ง แยม กวน ดองหวาน ดองเค็ม น้ำมะขามป้อมพร้อมดื่ม น้ำพริกมะขามป้อม เป็นต้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เพื่อความงามได้รับความนิยม ได้แก่ ยาแก้ไอ ชามะขามป้อม ครีมบำรุงผม ผงขัดหน้า เจลล้างหน้า เป็นต้น

ด้วยประโยชน์และคุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้ จึงใช้มะขามป้อมเป็นพืชสร้างป่าได้เป็นอย่างดี และเป็นแนวทางหนึ่งของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรเพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน
