ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/224942
วันจันทร์ ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
นางรัตน์ติยา พวงแก้ว นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรบุรีรัมย์ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เกษตรกรใน จ.บุรีรัมย์ 80% มีอาชีพทำนา ส่วนใหญ่อาศัยน้ำฝนจึงปลูกข้าวปีละครั้งแล้วทิ้งนาไว้จนถึงฤดูถัดไปโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทั้งที่บางแห่งมีบ่อน้ำบาดาลขนาดเล็กสามารถปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อยได้
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรบุรีรัมย์ จึงทำแปลงทดสอบระบบการปลูกพืชหลังนา เปรียบเทียบระหว่างเทคโนโลยีผลิตถั่วลิสงตามหลักเกษตรดีที่เหมาะสม (GAP) ของกรมวิชาการเกษตร กับการปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว ที่แปลงเกษตรกรหมู่ 2 และหมู่ 4 บ้านขี้ตุ่น ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
ทั้งนี้ผลปรากฏว่า เกษตรกรสามารถผลิตถั่วลิสงฝักสด 1 ตันต่อไร่ รายได้เฉลี่ย 10,172 บาทต่อไร่ สูงกว่าข้าวโพดข้าวเหนียวที่มีค่าเฉลี่ย 7,981 บาทต่อไร่ ที่สำคัญการปลูกถั่วลิสงเป็นพืชหลังนาทำให้ผลผลิตข้าวสูงขึ้น 17.7% ต้นทุนการผลิตลด 2.3% ผลตอบแทนจากข้าวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3,261 บาทต่อไร่ เกษตรกรจึงยอมรับการปลูกถั่วลิสงเป็นพืชหลังนา และได้รับการรับรองแปลงถั่วลิสง GAP 29 ราย เมื่อปี 2558 นอกจากนี้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรบุรีรัมย์ยังร่วมกับเกษตรกรทำ QR code ถั่วลิสง GAP เพิ่มมูลค่าของถั่วลิสงและตรวจสอบย้อนกลับได้ ทั้งนี้แปลงทดสอบดังกล่าวยังเป็นแปลงต้นแบบให้เกษตรกรที่สนใจมาศึกษาเรียนรู้ตลอดกระบวนการผลิต นำไปสู่การขยายผลอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์