ปัญหาเกษตร ที่นีมีคำตอบ : การผลิตข้าวอินทรีย์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/226253

วันอังคาร ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

คำถาม ขอทราบความรู้เรื่อง การผลิตข้าวอินทรีย์ ด้วยครับ ขอบคุณครับ

แสงอนันต์ ยุวโรภาค

อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

 

คำตอบ เกษตรอินทรีย์ เป็นระบบการจัดการผลิตด้านการเกษตรแบบองค์รวม เป็นระบบที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการใช้สารสังเคราะห์ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม มีการจัดการ
กับผลิตภัณฑ์ โดยเน้นการแปรรูปด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ ที่มีคุณภาพในการผลิตทุกขั้นตอน

การผลิตข้าวอินทรีย์ หลักการที่สำคัญในการผลิตข้าวอินทรีย์คือ จะต้องหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี และสารที่ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมี ทุกชนิด ในทุกขั้นตอนการผลิต และเก็บรักษาผลผลิต แต่ให้ใช้ความอุดมสมบูรณ์ของดินจากอินทรียวัตถุในสภาพธรรมชาติ และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ด้วยวัสดุอินทรีย์ มีการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช โดยใช้แมลงศัตรูธรรมชาติ ด้วยระบบควบคุมการระบาด โดยใช้ข้าวพันธุ์ต้านทาน มีวิธีการปลูก และการจัดการพืชที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลธาตุอาหารในต้นข้าว ทำให้ต้นข้าวมีความแข็งแรง ต้านทานโรคได้ดี หรือใช้สารสกัดจากพืชในกรณีที่มีศัตรูข้าวระบาดรุนแรง โดยใช้กลไกศัตรูธรรมชาติ และเลือกพื้นที่ให้มีความเหมาะสมด้วย

การผลิตข้าวอินทรีย์ มีข้อควรปฏิบัติที่ควรพิจารณาดังนี้

1. พื้นที่ปลูก จะต้องห่างไกลจากพื้นที่ที่ใช้สารเคมี ที่นาใกล้เคียงโดยรอบ ควรทำเกษตรอินทรีย์เหมือนกัน

2.เมล็ดพันธุ์ข้าว ใช้พันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพเมล็ดดี ต้านทานต่อโรคและแมลง ควรใช้เมล็ดพันธุ์ที่ผลิต โดยวิธีเกษตรอินทรีย์ เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี ปราศจากโรคและเมล็ดวัชพืช

3.การเตรียมดิน และวิธีปลูก ต้องไม่เผาฟางหรือตอซังข้าว ควรเตรียมดินอย่างดี เพื่อให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของต้นข้าว และลดปัญหาวัชพืช วิธีการปลูก ใช้วิธีปลูกแบบปักดำ เพื่อลดปัญหาวัชพืช ไม่ปลูกข้าวแน่นจนเกินไป เพื่อลดปัญหาโรคและแมลง

4.ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยพืชสด หรือใช้อินทรียวัตถุทดแทนปุ๋ยเคมี เช่น ปุ๋ยไนโตรเจน ให้ใช้แหนแดง สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ทดแทน ปุ๋ยฟอสฟอรัส ให้ใช้หินฟอสเฟต กระดูกป่น มูลไก่ หรือมูลค้างคาว ทดแทน ปุ๋ยแคลเซียม ให้ใช้ขี้เถ้า ปูนขาว โดโลไมท์ เปลือกหอยป่น หรือกระดูกป่น ทดแทน

5.การจัดการน้ำและดิน ต้องระวังรักษาระดับน้ำให้เหมาะสมกับระยะการเจริญเติบโตของต้นข้าวด้วย และจัดการความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยปลูกข้าวปีละครั้ง หรือไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี ปลูกพืชหมุนเวียนโดยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว ก่อนและหลังปลูกข้าว

6.การควบคุมวัชพืช และการป้องกันกำจัดโรคและแมลง ต้องไม่ใช้สารเคมี ให้ถอนด้วยมือ หรือใช้เครื่องมือทางการเกษตร ปลูกพืชคลุมดิน ไม่ใช้สารเคมีในการปราบแมลง ให้ใช้กับดักหรือแสงไฟล่อ เน้นความหลากหลายทางชีวภาพ อนุรักษ์แมลงศัตรูธรรมชาติ เพื่อควบคุมแมลงศัตรูข้าว

7.การเก็บเกี่ยว และการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว ให้เก็บเกี่ยวในระยะพลับพลึง คือนับจากวันที่ข้าวออกดอกแล้ว ประมาณ 30-35 วัน ซึ่งเป็นระยะที่เมล็ดสุกแก่พอเหมาะ ทำให้ได้น้ำหนักเมล็ดสูง ข้าวเต็มเมล็ด และมีคุณภาพการสีดี โดยลดความชื้นให้ได้ต่ำกว่า 14% เก็บรักษาในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม แปรสภาพเป็นข้าวสารเท่าที่ต้องการในแต่ละครั้ง และแยกข้าวอินทรีย์ออกจากข้าวปกติอย่างชัดเจน

ศักยภาพการผลิตข้าวอินทรีย์ของไทยเราสูงมาก เพราะมีพร้อมทุกด้าน ทั้งพื้นที่นา ทรัพยากรน้ำ ปัจจัยแวดล้อมเหมาะแก่การทำนาข้าวอินทรีย์ มีความหลากหลายของพันธุ์ข้าวที่ปลูก และเกษตรกรก็มีความสามารถในการผลิตข้าว ภาครัฐจึงควรเน้นนโยบายเร่งด่วนในการผลิตข้าวอินทรีย์ในประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกของเกษตรกร เพื่อส่งออกนำเงินตราเข้าประเทศ และเพื่อใช้บริโภคภายในประเทศ เพื่อสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย

 

Leave a comment