เสริมแกร่งลำไยนอกฤดูตะวันออก สวพ.6เดินหน้าวางระบบพัฒนาอย่างครบวงจร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/225470

วันพฤหัสบดี ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

นางเกษสิริ ฉันทพิริยะพูน ผอ.กลุ่มพัฒนาการตรวจสอบพืชและปัจจัยการผลิต สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เกษตรกรภาคตะวันออก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี มีการผลิตลำไยนอกฤดูเพื่อส่งออกตั้งแต่ปี 2549 โดยขยายพื้นที่ปลูกจาก4,769 ไร่ เป็น 170,868 ไร่ แม้พื้นที่การผลิตจะไม่มากแต่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงสุดของประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 2,023 กิโลกรัม/ไร่

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก จึงต้องคำนึงถึงคุณภาพและมาตรฐานตามข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า สวพ.6 จึงต้องเฝ้าระวังและดำเนินการให้บริการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการผลิตและส่งออกลำไยนอกฤดู เพื่อให้เกษตรกรรวมและผู้ประกอบการส่งออกสามารถส่งสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค สร้างรายได้และเศรษฐกิจที่ดีในชุมชน เสริมสร้างความเข้มแข็งและมั่นคงทางการเกษตร ก่อให้เกิดการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

ทั้งนี้เกษตรกรได้ใช้สารคลอเรตอย่างแพร่หลาย ในการบังคับลำไยให้ออกดอกนอกฤดู สวพ.6 จึงได้ทำการศึกษาผลกระทบจากการใช้สารดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ไม่พบสารคลอเรตตกค้างในดินชั้นบน จึงไม่ส่งผลกระทบทั้งต่อต้นลำไยและผู้บริโภค พร้อมกันนี้ ได้ตรวจวินิจฉัยศัตรูพืชในแปลงลำไย โดยศัตรูพืชที่พบมากสุดได้แก่ โรคราดำ โรคพุ่มแจ้ และโรครากเน่า ส่วนเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร มีการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ ตั้งแต่แปลง GAP โรงคัดบรรจุ GMP โรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และออกใบรับรองสุขอนามัยกำกับไปกับตู้คอนเทนเนอร์ส่งสินค้าทุกลอต สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน อีกทั้งได้แนะนำการติดตั้งอุปกรณ์ที่เหมาะสมตลอดจนเทคนิคในการรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ถูกต้อง สามารถลดปัญหาซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่ได้

“จากการให้บริการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการผลิตและส่งออกลำไยนอกฤดูอย่างครบวงจร ได้ช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าควบคู่กับการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือปริมาณการผลิตและส่งออกลำไยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน มีเกษตรกรได้รับรองมาตรฐาน GAP จำนวน 2,375 แปลง และมีแนวโน้มจะเข้าสู่การรับรองมาตรฐานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับโรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเพิ่มขึ้นจาก 6 โรง เป็น 61 โรงส่วนปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 24,046 ตัน เป็น 74,800 ตัน” นางเกษสิริ กล่าวย้ำ

Leave a comment