นายสุชล แก้วเกาะสะบ้า ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินยะลา สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 12 กรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า สภาพดินส่วนใหญ่ของ จ.ยะลา มีความลาดเอียงจากเนินเขาลงไปสู่พื้นที่ลุ่มต่ำ มีปัญหาการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ทำให้ดินขาดธาตุอาหาร มีความสมบูรณ์ต่ำ เช่น พื้นที่ ต.ยุโป อ.เมือง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูง เกษตรกรหลายรายทิ้งพื้นที่ให้รกร้างว่างเปล่า สถานีพัฒนาที่ดินยะลา จึงมีแนวคิดที่ให้เกษตรกรเรียนรู้วิธีการพัฒนาปรับปรุงบำรุงดิน โดยใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในชุมชนมาผลิตปุ๋ยหมัก และได้ประสานกับหมอดินอาสาประจำตำบล จัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินด้านการเกษตรและเศรษฐกิจพอเพียงขึ้น ที่หมู่ 4 บ้านทุ่งยามู ต.ยุโป เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน

นายไหว ปานแสงทอง ประธานศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินด้านการเกษตรและเศรษฐกิจพอเพียง กล่าว ศูนย์ถ่ายทอดฯจะเน้นกิจกรรมผลิตปุ๋ยหมักตามแนวทางของกรมพัฒนาที่ดิน รวมถึงสร้างแปลงทดลองการทำเกษตรต่างๆ เพื่อให้เกษตรกรมาเรียนรู้และทดลองทำการเกษตรด้วยตนเอง โดยใช้ปุ๋ยหมักและสารชีวภัณฑ์ เช่น น้ำหมักชีวภาพ พด.2 พด.7 มาปรับปรุงดินบนพื้นที่ 350 ตารางเมตร ภายในศูนย์ฯเพื่อเรียนรู้ผ่านการปลูกพืชจริงๆ ภายใต้คำแนะนำของเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินยะลา และนำผลที่ได้ไปพัฒนาปรับปรุงดินในพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งเกษตรกรที่มาเรียนรู้แล้วนำไปปฏิบัติ จะพบความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนคือ สภาพดินมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น ต้นทุนการผลิตลดลงจากเดิม แต่รายได้เพิ่มขึ้น

นางเพ็ญแข ขุนภักดี เกษตรกรที่ผ่านการอบรม เปิดเผยว่า หลังเข้าอบรมที่ศูนย์ฯก็กลับมาพัฒนาพื้นที่นาร้างประมาณ 3 ไร่ เริ่มจากไถปรับพื้นที่ ปรับปรุงบำรุงดินโดยใช้ปุ๋ยคอกและหินปูนฝุ่น จนทำให้สภาพดินเหมาะสมกับการปลูกพืช โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปลูกพืชที่ตลาดชุมชนต้องการเป็นหลัก ทำให้มีการสร้างรายได้เสริมที่เป็นกอบเป็นกำ ช่วยให้ชีวิตมีความเป็นอยู่ดีขึ้น