จากวันนั้นสู่เลขาฯUN

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์ 20 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/694877

 

คนที่ประสบความสำเร็จแต่ละคนมักมีจุดเปลี่ยนกันทุกคน เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ใครคนนั้นๆรู้จักตัวตน รู้ว่าตัวตนชอบอะไร ทางไหน แล้วเริ่มมุ่งมั่นให้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้ เช่นเดียวกับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่มีจุดเปลี่ยนเมื่อได้โอกาสมาสหรัฐฯครั้งแรก สมัยเป็นนักเรียนมัธยม เมื่อ 54 ปีก่อน

และเมื่อเร็วๆนี้ นายบัน คี มูน ที่กำลัง หมดวาระช่วงปลายปีนี้ พาภริยาไปเยี่ยมครอบครัวอุปถัมภ์ (โฮสต์ แฟมิลี่) ที่เมืองโนวาโต รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ที่เขาเคยมาอยู่ด้วยช่วงสั้นๆเมื่อครั้งเดินทางมาสหรัฐฯครั้งแรกตอนเรียนมัธยม อายุ 18 ปี เมื่อ 54 ปีก่อน หลังจากชนะประกวดเขียนบทความภาษาอังกฤษของหน่วยกาชาดสหรัฐฯ

เมื่อไปถึงบ้านเก่าที่เคยอยู่ นายบันได้โผเข้ากอดนางลิบบา แพทเตอร์สัน ผู้ที่นายบันเรียกว่าแม่ชาวอเมริกันของเขา ซึ่งขณะนี้อายุ 99 ปีแล้ว ด้วยความคิดถึงกับความเมตตาที่เขาได้รับ

ลิบบาแม้อายุมากแล้วแต่ยังจดจำเรื่องราวในอดีตได้ดี เธอเล่าทั้งน้ำตาด้วยความปีติยินดี พูดถึงตอนที่หนุ่มคีมูนมาอยู่กับครอบครัว ช่วงสั้นๆเมื่อปี 2505 เธอได้ให้ความรักเมตตาถือเสมือนเป็นลูกคนหนึ่ง

“ไม่ว่าจะเจริญในหน้าที่การงานได้เป็นถึงเลขาธิการยูเอ็น แต่ยังเป็นคี มูน ลูกชายของพวกเรา” ลิบบากล่าว

นายบันตอบกลับว่าตนยังเป็นลูกชายของลิบบาเสมอ ตนมีแม่ 2 คน คนหนึ่งอยู่เกาหลีใต้และคนหนึ่งอยู่ที่นี่ พร้อมยังเล่าย้อนถึงตอนมาสหรัฐฯครั้งแรกในชีวิตด้วยว่าตอนนั้นรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับชีวิตสมัยใหม่ของชาวอเมริกันเมื่อเทียบกับเกาหลีตอนนั้นที่ยังยากจนและเกิดภัยสงคราม

ช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตมากที่สุดคือตอนได้ไปเยือนทำเนียบขาวและได้รับการต้อนรับจาก จอห์น เอฟ. เคนเนดี อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้ล่วงลับ ซึ่งสมัยนั้นถือเป็นผู้นำที่เป็นแรงบันดาลใจของผู้คนทั้งโลกและยังจดจำคำพูดของประธานาธิบดีเคนเนดีได้ขึ้นใจที่ว่า “เหล่าผู้นำโลกไม่ค่อยถูกกันนัก แต่พวกคุณที่ยังหนุ่มสาว เรื่องพรมแดนไม่มีความหมาย ขอแค่มีใจพร้อมยื่นมือช่วยเหลือคนอื่น”

ถ้อยคำเหล่านี้ทำให้นายบันคิดหาทางทำประโยชน์เพื่อประเทศที่ตอนนั้นยังยากจนและเกิดสงคราม ตีกรอบอนาคตได้ชัดขึ้นว่าจะเป็น “นักการทูต” จึงศึกษาเล่าเรียนจนจบคณะ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัย “โซล แนชนัล ยูนิเวอร์ซิตี้” เริ่มเป็นนักการทูตในปี 2513 ผ่านงานเป็นเอกอัครราชทูต รมว.ต่างประเทศ และเก้าอี้ใหญ่ “เลขาธิการยูเอ็น” มา 2 สมัยดังกล่าว.

เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์

 

Leave a comment