ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย คุณนิติ นวรัตน์ 25 ส.ค. 2559 05:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/700024

นายสมพร ดำพริก ประธานสภาทนายความจังหวัดมีนบุรีเชิญทนายความในเขตอำนาจศาลมีนบุรีสังสรรค์ที่ศาลาประชาคมเมืองมีนบุรี 17.00-22.00 น. ศุกร์ 26 สิงหาคม 2559
ขณะนี้โลกสนใจนักการเมืองมุทะลุดุดัน 2 คน คนแรกคือ นายโรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และคนที่สองคือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ตอนนี้มีการฆ่าคนฟิลิปปินส์ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวดองหนองยุ่งกับยาเสพติดไปแล้ว 1,800 ศพ เป็นการฆ่าโดยใช้ศาลเตี้ย ทำให้องค์กรสิทธิมนุษยชนกระดิกพลิกตัวกันทั้งโลก โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลฟิลิปปินส์หันมาใช้กฎหมายและยึดหลักสิทธิมนุษยชน ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติก็เรียกร้องให้ดูเตอร์เตหยุดฆ่าคนโดยใช้ศาลเตี้ย
นายดูเตอร์เตไม่สนใจสหประชาชาติและรัฐบาลสหรัฐฯ แถมยังขู่ว่าจะถอนตัวออกจากสหประชาชาติ จะไปชวนจีนและทวีปแอฟริกามาตั้งองค์กรระหว่างประเทศขึ้นใหม่ แกด่ายูเอ็นว่าไอ้ลูกโสเภณี ถ้ายูเอ็นยังกดดันผม “ผมก็จะถอนตัว”
ตอนได้รับเลือกตั้งใหม่ๆ แกก็ด่าให้สหประชาชาติไปลงนรก แถมยังดูหมิ่นถิ่นแคลนว่า แค่การแก้ปัญหานองเลือดในตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ความช่วยเหลือประเทศในทวีปแอฟริกา สหประชาชาติยังทำไม่ได้
แกขู่ว่าฟิลิปปินส์อาจจะไม่ให้การรับรองพันธสัญญาข้อตกลงว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงชั้นบรรยากาศของสหประชาชาติ “ยูเอ็นไม่ได้ทำอะไรให้ฟิลิปปินส์เลย โครงการลดความยากจน ยูเอ็นก็ไม่ได้หนุน มีไต้ฝุ่นหรือเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ ยูเอ็นก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ มีแต่ความพยายามจะเข้ามาจุ้นจ้านกับเรื่องภายในของฟิลิปปินส์”
ผู้คนในแวดวงสิทธิมนุษยชนไม่สบายใจกับการกระทำของนายดูเตอร์เต แกเคยหาเสียงว่า “ผมจะฆ่าอาชญากรให้ได้แสนคนและจะโยนศพลงอ่าวมะนิลาให้ปลากิน” ตอนที่ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ดูเตอร์เตบอกให้คนที่อยู่ในสลัมฆ่าเพื่อนบ้านที่ติดยา
ส่วนนายทรัมป์ไปหาเสียงที่ไหนในตอนนี้ก็ใช้วิธีด่าไปทั่วเหมือนนายดูเตอร์เต แทนที่จะปราศรัยถึงการพัฒนาเหมือนกับผู้สมัครคนอื่นในอดีต ทรัมป์กลับใช้วิธีการด่าอย่างเดียว ตอนนี้ก็ด่าว่ามูลนิธิคลินตันเป็นองค์กรขี้โกง ตอนที่นางคลินตันเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในเทอมแรกของรัฐบาลนายโอบามา มูลนิธิคลินตันรับเงินบริจาคก้อนใหญ่ๆจากหลายประเทศ ประเทศผู้บริจาค
พวกนั้นส่วนใหญ่ถูกตราหน้าจากประเทศตะวันตกว่าเป็นพวกริดรอนสิทธิมนุษยชน หลายประเทศที่บริจาคเงินให้มูลนิธิคลินตันเป็นพวกแบ่งแยกกีดกันสตรีและดูหมิ่นถิ่นแคลนพวกรักเพศเดียวกัน
คำปราศรัยของทรัมป์โดนใจคนฟังที่หัวรุนแรง ตอนที่แกไปพูดที่เมืองอาครอน รัฐโอไฮโอ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คนฟังถึงขนาดตะโกนก้องร้องด่านางคลินตันว่า จับมันให้ได้ๆ ที่ว่า จับให้ได้ ก็คือ จับนางคลินตันในข้อหาใช้อีเมลเอื้อประโยชน์ให้ได้ คนฟังทรัมป์พูดแล้วก็บ้าจี้เหมือนกับอุปาทานหมู่ ทำให้คนวิจารณ์เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างมูลนิธิคลินตันกับการทำงานของนางคลินตันในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไปทั้งประเทศ
อีเมลที่ถูกส่งจากเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวของนางคลินตันเกือบ 1.5 หมื่นฉบับถูกนำมาเปิดเผย ตอนนี้เรื่องโน้นเรื่องนี้ก็แดงโร่ออกมาว่าผู้บริจาคหลายคนใช้เงินบริจาคเพื่อเข้าหารัฐมนตรีต่างประเทศ นางคลินตัน มหาเศรษฐีบางคนบริจาคเงินเข้ามูลนิธิเพื่อแลกกับการให้ผู้ช่วยคนสนิทของนางคลินตันช่วยให้ได้พบกับนักการทูตที่กรุงลอนดอน ขณะนี้ ภาพลักษณ์ของนางคลินตันเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ ว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้บริจาครายใหญ่ๆ
คนฟิลิปปินส์จำนวนไม่น้อยเริ่มสับสนงุนงงกับประธานาธิบดีของตนและเริ่มกลัวอนาคตของตนในประเทศนี้ ผมว่าคนอเมริกันก็สับสนไม่แพ้คนฟิลิปปินส์ดอกครับ
ให้นางคลินตันเป็นผู้นำ ความหลังครั้งก่อนตอนเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศก็ไม่เคลียร์ ให้นายทรัมป์เป็นผู้นำก็มีปัญหาเรื่องวุฒิภาวะ.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand