ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/233052
วันพุธ ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 16.51 น.
31 ส.ค.59 สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ให้การต้อนรับคณะนักธุรกิจจีนจากสมาคมเกษตรกรไทย-จีน เพื่อศึกษาดูงานผลิตภัณฑ์ของเกษตรกร ณ จังหวัดสมุทรสาคร
โดย นายวัชระพันธุ์ จันทรขจร เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตร เผยว่า ปัจจุบันมีการกว้านซื้อผลไม้ในประเทศไทยผ่าน “ล้งชาวจีน” เพื่อส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน สร้างเงินสะพัดกว่า 5 พันล้านบาท เพราะจีนเปิดให้มีการค้าเสรี ทำให้ผลไม้ไทยส่งออกไปจีนจำนวนมาก ส่งผลให้ตลาดส่งออกผลไม้ไทยกลายเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญโดยเฉพาะทุเรียน มังคุดและมะม่วง แต่ละวันมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาผลไม้สูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก “ล้ง” มารับซื้อผลไม้อย่างต่อเนื่อง
ในอนาคตอาจก่อปัญหาขึ้นทั้ง “ล้ง” และ “เกษตรกร” หากนักธุรกิจจีนรวมตัวกันหยุดซื้อผลไม้ ก็จะส่งผลกระทบอย่างทันที เนื่องจากเกษตรกรถูกกดราคาและกำหนดราคาจากนักธุรกิจจีน หากยังไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์จากรัฐบาล นักธุรกิจจีนก็จะยึดครองตลาดผลไม้ของประเทศไทยทั้งหมด
“อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรไทยจะรวบรวมเพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ปัญหาด้านภาษาที่ไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจด้วยตนเอง จึงต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการประสานงานและดำเนินการต่างๆ และหากไม่มีผู้ประสานงานที่มีความสามารถ ก็ทำให้การเข้าไปค้าขายกับจีนมีความเสี่ยงสูง เป็นต้น

ดังนั้น ควรเร่งรัดให้มีมาตรการรองรับและใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อป้องกันการผูกขาดทางการตลาด และเกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม” เลขาฯ กฟก. ระบุ
นายวัชระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการก่อตั้งโครงการขุนเขาแห่งความสุขจีน-ไทย หรือไทยทาวน์ ณ นครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของการนำสินค้าของเกษตรกรไทยไปบุกตลาดจีน เพื่อปูทางให้เกษตรกรไทยเปลี่ยนบทบาทจากแค่ผู้ผลิตมาเป็นผู้ค้ารายย่อย และเพื่อให้เกิดการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมที่จะทำให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงมีแนวคิดที่จะเอาธุรกิจท่องเที่ยวมาผสมผสานกับการค้าขายสินค้าไทย นายวัชระพันธุ์ กล่าว
ด้าน นายศุภดล โฉมมงคล นายกสมาคมพัฒนาเกษตรกรไทย-จีน กล่าวว่า ปัญหาของภาคเกษตรไทยคือ ช่องทางการตลาด ซึ่งเป้าหมายของสมาคมฯในเรื่องนี้คือต้องการตัดขั้นตอนระบบพ่อค้าคนกลาง เพื่อให้ประโยชน์ตกแก่เกษตรกรรายย่อยและผู้บริโภคมากที่สุด และบทบาทของสมาคมฯยังจะครอบคลุมในประเด็นการสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของสมาชิกภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน องค์กรชุมชน สถาบันการศึกษา และสมาชิกในการก่อบทบาทสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนของสมาชิก สนับสนุนการเรียนรู้แลกเปลี่ยนภูมิปัญญาและนวัตกรรม ด้านเกษตรกรรมของสมาชิกเพื่อขยายผลสู่การพัฒนาวงการเกษตรกรรมและที่สำคัญเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านอาหาร นายศุภดล กล่าว
