ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/232009

วันพฤหัสบดี ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
l การแก้ไขปัญหาดินที่ถูกชะล้างพังทลาย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของหน้าดินโดยน้ำ แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ ปริมาณน้ำฝน และลักษณะของเม็ดฝน ลักษณะดิน ลักษณะของความลาดชัน หรือลาดเอียง ลักษณะของพืชพรรณที่ขึ้นปกคลุมดิน และการจัดการดินโดยทั่วๆ ไป พื้นที่ที่นำมาใช้ทำเกษตรกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน และการไถพรวนไม่ถูกวิธี การชะล้างพังทลายจะเกิดมากกว่าพื้นที่ที่มีป่าปกคลุม ในพื้นที่ที่มีปัจจัยอื่นคล้ายคลึงกันเมื่อหน้าดินถูกชะล้างพังทลาย ความอุดมสมบูรณ์ของดินที่เคยมีก็จะหายไป ตะกอนดินจะถูกพัดพาไปสะสมตามแหล่งน้ำต่างๆ ทำให้มีตะกอนขุ่นแดง และลำน้ำตื้นเขิน การที่ลำน้ำต่างๆ ในฤดูฝนมีตะกอนขุ่นสีแดงเกิดขึ้น เป็นตัวชี้บ่งอย่างดีว่าบริเวณต้นน้ำลำธารมีการชะล้างพังทลายของดินเกิดขึ้น จะต้องได้รับความแก้ไข และถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเห็นได้ทั่วไปตามลำน้ำต่างๆ ในทุกภูมิภาคของประเทศ แต่สังคมก็ยังไม่ให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
การแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามหลักวิชาด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ สามารถกระทำได้ 2 วิธีหลักๆ คือ วิธีกลและวิธีพืช วิธีกลเป็นวิธีที่ใช้เครื่องมือต่างๆ ปรับสภาพพื้นที่เพื่อให้ความรุนแรงของการไหลบ่าของน้ำผ่านหน้าดินลดลง เมื่อน้ำไหลช้าลง พลังในการชะล้างพังทลายหน้าดินของน้ำก็จะลดลงไปเป็นเงาตามตัว วิธีกลดังกล่าว ได้แก่ การไถพรวนขวางความลาดชันก่อนที่จะปลูกพืชการทำคันดินขวางความลาดชัน และการทำขั้นบันไดดิน เป็นต้น การนำวิธีกลไปใช้ในการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินในประเทศไทยยังไม่ค่อยใช้กันในแปลงของเกษตรกร แม้แต่การไถพรวนขวางความลาดชัน ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด เกษตรกรก็ไม่ค่อยกระทำกัน เพราะผู้ที่รับจ้างมาไถที่โดยรถแทรกเตอร์อ้างว่าชักช้า เสียเวลาไถขึ้นลงตามความลาดชันทำได้เร็วกว่า และได้เงินค่าไถต่อวันมากกว่า