ขบวนรถขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ใกล้เมืองอเลปโป ในซีเรีย ถูกโจมตีทางอากาศเสียหายอย่างหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังกองทัพรัฐบาลซีเรียประกาศว่าการหยุดยิงในประเทศจบลงแล้ว…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขบวนรถขนสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยความรุนแรงในซีเรีย ถูกโจมตีด้วยการโจมตีทางอากาศ ในพื้นที่ใกล้เมืองอเลปโป เมื่อวันจันทร์ที่ 19 ก.ย. เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกองทัพรัฐบาลซีเรียออกมาประกาศว่า การหยุดยิงตามแผนยุติความเป็นศัตรูของสหรัฐฯ และรัสเซีย ที่บังคับใช้มาได้เพียง 7 วัน จบสิ้นลงแล้ว

ตามรายงานของสภากาชาดซีเรีย ขบวนรถช่วยเหลือขบวนนี้กำลังเดินทางนำสิ่งของบรรเทาทุกข์จากเมืองอเลปโปไปยังเมือง เอิร์ม อัล-คูบรา ที่ถูกฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลยึดครองตามเส้นทางประจำวัน และมีการเผยแพร่ภาพแสดงให้เห็นรถบรรทุก และรถลากถูกไฟไหม้

ด้านสหประชาชาติออกมาระบุว่า มีรถบรรทุก 18 คันจาก 31 คันถูกทำลายในการโจมตีครั้งนี้ แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นการโจมตีทางอากาศ ขณะที่กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (เอสโอเอชอาร์) ระบุว่า เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย เป็นคนขับรถบรรทุกและเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ โดยเป็นการโจมตีจากเครื่องบินของซีเรียหรือไม่ก็รัฐบาลซีเรีย

ทั้งนี้ ก่อนที่จะเกิดการโจมตีทางอากาศใส่ขบวนรถขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ มีรายงานว่าเครื่องบินรบเริ่มออกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่เมืองอเลปโปอีกครั้งแล้ว หลังจากกองทัพรัฐบาลซีเรียประกาศให้การหยุดยิงตามแผนยุติความเป็นศัตรูของสหรัฐฯ และรัสเซีย ที่บังคับใช้มาได้เพียง 7 วัน จบลง โดยอ้างว่าฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาล ซึ่งฝ่ายรัฐบาลเรียกว่าผู้ก่อการร้ายนั้น ไม่ทำตามสัญญาใดๆ ในข้อตกลงหยุดยิง

ด้านนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การประกาศของซีเรีย โดยบอกว่า จะเป็นเรื่องดีหากพวกเขาไม่บอกกับสื่อก่อน แต่บอกกับคนที่เป็นผู้เจรจาเรื่องนี้จริงๆ ขณะที่พลโทเซอร์เก รุดสคอย บอกกับสื่อที่อาคารกระทรวงกลาโหมในกรุงมอสโกว่า ไม่มีความหมายแล้วที่กองทัพรัฐบาลซีเรียจะทำตามข้อตกลงหยุดยิง ท่ามกลางความรุนแรงอย่างต่อเนื่องของฝ่ายกบฏ

อนึ่ง ข้อตกลงหยุดยิงในซีเรียที่มีสหรัฐฯ และรัสเซียเป็นตัวกลางครั้งล่าสุดนี้ เริ่มต้นด้วยการหยุดยิงทั่วประเทศเมื่อ 12 ก.ย. เพื่อเปิดทางให้องค์กรต่างๆ ส่งความช่วยเหลือเข้าสู่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองของซีเรีย อย่างไรก็ตาม จนถึงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สิ่งของเกือบทั้งหมดยังไม่ได้ขนส่งหรือยังส่งไปไม่ถึงมือผู้เดือดร้อน รวมถึงรถบรรทุก 20 คนที่จะขนเสบียงไปยังภาคตะวันออกของเมืองอเลปโป ที่ประชาชนกว่า 275,000 คนตกค้างอยู่ โดยไม่อาจเข้าถึงอาหารหรือเวชภัณฑ์