ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/235880
วันจันทร์ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
ผิวขาวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ คือสุดยอดปรารถนาของสาวยุคนี้ แต่บางคนกลับเลือกทางลัดแบบผิดๆ โดยการใช้ผลิตภัณฑ์เร่งผิวขาว ที่อาจส่งผลร้ายต่อผิวพรรณ เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของสารโคเบตาซอล (สเตียรอยด์) ทำให้ผิวหนังเกิดอาการไหม้ แตกลาย มีรอยแดงและยังอาจลุกลามเป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญภายในร่างกายอีกด้วย จะดีกว่าไหม ถ้าสารอาหารตามธรรมชาติตัวจริงเสียงจริง 6 ชนิดอย่าง ส้มสีแดง อะเซโรล่าเชอร์รี่ บิลเบอร์รี่มะเขือเทศ เมล็ดองุ่น และเปลือกสนมาริไทม์สามารถช่วยให้ผิวของเราขาวขึ้นได้อย่างปลอดภัยสูงสุดและไร้ผลข้างเคียง
แบรนด์อีฟส์ กรุ้ป (EVE’s Group) ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวใส ไร้สิว มีความรู้ดีๆ เกี่ยวกับสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อผิวขาว โดยล่าสุดกับการค้นพบว่า “ส้มสีแดง”(Red Orange) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเมดิเตอเรเนียน อุดมไปด้วยสารแอนโธไซยานิน และวิตามินซี ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของคอลลาเจน ช่วยในการดูแลฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดใสเต่งตึง และให้ผิวดูขาวใสขึ้น ดังนั้นเมื่อรับประทานส้มสีแดงเข้าไปจึงช่วยให้ร่างกายสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอล และชะลอความเหี่ยวย่นของผิวพรรณได้ ในขณะเดียวกันเมื่อมีการทดสอบเชิงลึก ยังปรากฏว่าสรรพคุณของส้มสีแดงนั้น ช่วยลดอาการอักเสบของผิว และลดผดผื่นจากแสงแดดได้อีกด้วย

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ส่วน “อะเซโรล่าเชอร์รี่” (Acerola Cherry) เป็นพันธุ์ที่มีวิตามินซีสูงที่สุด โดยสูงกว่าส้ม 30-80 เท่าเลยทีเดียว และยังเป็นแหล่งรวมของแคลเซียม แมกนีเซียม โฟเลท ฟอสฟอรัส วิตามินเอและบี และยังมีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ และแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย ด้าน “บิลเบอร์รี่” (Bilberry) มีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตาโดยตรงแล้ว พร้อมทั้งยังมีสาระสำคัญต่างๆ อย่าง แอนโธไซยาโนไซด์ ฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงและแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการสมานแผล ที่ส่งผลดีต่อความสวยความงามทำให้ผิวพรรณดูขาวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ เนื่องจากสามารถลดอาการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังที่ทำให้เกิดจุดด่างดำของผิวพรรณได้

มะเขือเทศ
“มะเขือเทศ” มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ รวมถึงวิตามินซี และวิตามินเอสูงมาก โดยมะเขือเทศลูกปานกลางจะมีปริมาณของวิตามินซีถึงครึ่งหนึ่งของส้มโอลูกใหญ่ทั้งลูก และยังมีปริมาณวิตามินเอ 1 ใน 3 ที่ร่างกายต้องการต่อวัน รวมทั้งแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่าง แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็กแถมด้วยสารจำพวกไลโคพีน ซึ่งมีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถทำให้ลดและชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ส่งผลดีโดยตรงต่อผิว ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้านนั่นเอง

เมล็ดองุ่น
และไม่ใช่แค่ผักผลไม้รสเปรี้ยวเท่านั้นที่ให้ประโยชน์ต่อผิวยังมี “เมล็ดองุ่น”(Grape seed) พลังมหัศจรรย์ตามธรรมชาติชิ้นเล็กๆ แต่กลับให้ประโยชน์มหาศาล เพราะมีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์เต็มเปี่ยม แต่เมื่อการแทะเมล็ดกินนั้นอาจยุ่งยากสักหน่อย ดังนั้นการนำเมล็ดองุ่นมาสกัดให้เป็นสารสกัด จึงทำให้รับประทานได้ง่ายขึ้น ส่งผลลัพธ์โดยตรงช่วยชะลอความแก่และลดความหยาบกร้านของเซลล์ผิว นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของโปรตีนคอลลาเจน และอีลาสติน อีกทั้ง ยังให้ผลลัพธ์ทางอ้อมในการลดกระบวนการสร้างเม็ดสีผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า กระ และลดปัญหาสีผิวไม่เสมอกันได้
ปิดท้ายด้วยของดีต่างแดน อย่าง “เปลือกสนมาริไทม์” (Pine bark) จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งอุดมไปด้วยสารที่มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง เเละยังเสริมฤทธิ์การทำงานของวิตามินซีเเละวิตามินอี แต่ที่วิเศษไปกว่านั้นคือการค้นพบฟิคโนจินอล ในสารสกัดจากเปลือกสน สามารถจัดการกับเอนไซม์ และสารอนุมูลอิสระไม่ให้มาทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน จึงช่วยประสานและปกป้องคอลลาเจน โปรตีนในผิวหนังที่ช่วยให้ผิวตึงกระชับ เนียนเรียบ เเข็งเเรง เเละยืดหยุ่นได้ดีขึ้นนั่นเอง นอกจากนั้น คุณสมบัติเด่นของฟิคโนจินอล ยังช่วยให้ผิวทนต่อรังสียูวีจากแสงแดดมากขึ้นกว่าปกติ จึงช่วยต่อต้านความเสื่อมของผิวพรรณ ต่อต้านการผลิตเม็ดสี ส่งผลทางอ้อมในการแก้ไขปัญหาฝ้ากระอย่างได้ผล และผิวแลดูกระจ่างขาวใสมากขึ้นได้นั่นเอง
รู้อย่างนี้ อย่ามัวแต่พึ่งพาสารสังเคราะห์ที่เป็นอันตรายต่อผิวและร่างกายอีกเลย ในเมื่อทำความรู้จักของวิเศษจากธรรมชาติทั้ง 6 อย่างแล้ว ก็ควรเลือกบริโภคสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อชีวิตของเราจะดีกว่า
