สิงคโปร์ระดมทีมแพทย์ ช่วยเต็มกำลังนร.ไทยถูกรถชน มีแผนใส่กระโหลกเทียม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 ต.ค. 2559 07:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/743847

 

ทีมแพทย์สิงคโปร์ยันระดมกำลังกันเต็มที่ช่วยรักษาเด็กนักเรียนไทยที่ถูกรถชน และมีแผนจะใส่กะโหลกเทียมให้ แต่ต้องรอให้คนไข้แข็งแรงดีก่อน ตัวแทนสถานทูตไทยในสิงคโปร์รุดเยี่ยมและรับรองเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เป็นเงิน ก้อนโต ขณะที่ตำรวจสิงคโปร์แจ้งเหตุที่ยังไม่สรุปคดีเพราะรอให้ผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้น แล้วจะสอบปากคำที่จะเป็นประโยชน์แก่ตัวคนไข้

ความคืบหน้ากรณีน้องลักษณ์-น.ส.อรุณลักษณ์ เจตนาธรรมจิต อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น S.2 (เทียบเท่า ม.2 ของไทย) โรงเรียนซานยู แอดแวนติสต์ สิงคโปร์ ถูกรถชนอาการโคม่านอนไม่ได้สติ อยู่ที่โรงพยาบาล KK Women’s and Children’s เป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือนและคดียังไม่มีความคืบหน้า ตามที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐเสนอข่าวไปนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. เวลา 08.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่โรงพยาบาล KK Women’s and Childen’s มีการประชุมทีมแพทย์ผู้รักษาน้องลักษณ์เพื่อวางแนวทางรักษา โดยมีผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงสิงคโปร์ และพ่อแม่ของน้องลักษณ์เข้าร่วมฟังด้วย เบื้องต้นมีรายงานว่า ทีมแพทย์มีแผนจะผ่าตัดใส่กะโหลกเทียมให้น้องลักษณ์ แต่ต้องรอให้สภาพร่างกายของคนไข้แข็งแรงขึ้นก่อน ระหว่างนี้จะส่งแพทย์ด้านกายภาพบำบัดมาช่วยดูแลฟื้นฟูร่างกายของน้องลักษณ์ไปด้วย

นายสรายุทธิ์ เจตนาธรรมจิต พ่อของน้องลักษณ์ เปิดเผยกับ “ไทยรัฐ” ว่า ตอนนี้อาการของลูกสาวยังทรงอยู่ แต่เริ่มมีการตอบสนองตามที่หมอสั่งได้บ้าง ตายังปรือ มือขยับได้บ้าง ทานอาหารเหลวทางสายยาง ยังมีเสมหะเวลาไอ คุณหมอได้มาช่วยสอนให้ตนกับภรรยาช่วยทำกายภาพให้ลูกด้วยการยกแขนขาเพื่อให้กล้ามเนื้อมีแรง คุณหมอยังบอกอีกว่า ถ้าน้องลักษณ์รู้สึกตัว และร่างกายแข็งแรงระดับหนึ่ง ก็พาตัวกลับไปรักษาก่อนที่ประเทศไทยได้ ขอบคุณสถานทูตไทย ชาวไทยในสิงคโปร์ และชาวสิงคโปร์ทุกคน ที่ให้การช่วยเหลือน้องลักษณ์กับครอบครัวของตนอย่างมาก ทั้งเรื่องการติดตามความคืบหน้าคดี จัดหาล่ามมาช่วยให้สื่อสารกับโรงพยาบาลและทีมแพทย์ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันในสังคมโซเชียลของสิงคโปร์ ยังคงมีการรณรงค์ระดมเงินบริจาคช่วยเหลือ “น้องลักษณ์” อย่างต่อเนื่อง โดยมีชาวสิงคโปร์ ชื่อ Dennis Yeo ตั้งกระทู้ระดมเงินบริจาคช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลน้องลักษณ์ทางเว็บไซต์ https://give.asia/ นอกเหนือจากสมาคมไทย (สิงคโปร์) ที่เปิดสายด่วนฮอตไลน์ในสิงคโปร์ เบอร์ 9448 8411 ยังมีชาวมาเลเซียที่ทราบข่าว อาสาเป็นล่ามให้ครอบครัว “เจตนาธรรมจิต” อีกด้วย ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ได้แจ้งผู้ประสงค์ให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการรักษา น.ส.อรุณลักษณ์ บริจาคได้โดยตรงให้แก่บิดาของ น.ส.อรุณลักษณ์ ชื่อบัญชี “นายสรายุทธิ์ เจตนา-ธรรมจิต” ธนาคารกรุงไทย สาขาทับเที่ยง หมายเลขบัญชี 9311231800

วันเดียวกัน เพจสมาคมไทย (สิงคโปร์) (Thai Association Singapore) ลงข้อความระบุว่า นางพรพิมล เฉลิมพลานุภาพ และนางพาชื่น มาไลยพันธุ์ กรรมการจากสมาคมไทย (สิงคโปร์) ได้เป็นตัวแทนของสมาคมไปเยี่ยมน้องอรุณลักษณ์ พร้อมทั้งได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน $500 แก่พ่อและแม่ของน้องลักษณ์ด้วย

ขณะที่นายชัยรัตน์ ศิริวัฒน์ อัครราชทูต ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ได้นำคณะไปเยี่ยม น.ส.อรุณลักษณ์ที่โรงพยาบาล พบกับนายสรายุทธิ์ เจตนาธรรมจิต บิดาของน้องลักษณ์ แจ้งให้ทราบว่าสถานเอกอัครราชทูตยินดีให้การช่วยเหลือเต็มที่ ในการประสานงานเรื่องการรักษาพยาบาล หรือเรื่องอื่นๆ พร้อมกันนี้นายชัยรัตน์ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทราบว่า สถานเอกอัครราชทูตจะรับรองเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ที่ให้การดูแลรักษาเปิดเผยว่า อาการของน้องลักษณ์อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย การรักษาเน้นการฟื้นสภาพของการทำงานสมองและประสาท เป็นการรักษาในระยะยาว อีก 4-6 สัปดาห์จะสามารถสวมกะโหลกเทียมให้ได้ ซึ่งแพทย์ระบุอีกว่าจะรักษาดูแลอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้การฟื้นฟูกลับคืนโดยเร็วที่สุด

ด้านนายธงชัย ชาสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ เปิดเผยว่า ผลคดียังไม่ได้สรุปเนื่องจากรอการสอบสวนของตำรวจ จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ ช่วยประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลการช่วยเหลือตามสิทธิที่ผู้ได้รับบาดเจ็บจะได้รับ และได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานตำรวจสิงคโปร์ ให้ช่วยเร่งรัดคดี รวมทั้งฝ่ายผู้บาดเจ็บยังไม่ได้สติ หน่วยงานตำรวจสิงคโปร์ได้รับเรื่องไว้แล้ว กรณี น.ส.อรุณลักษณ์ทราบจากตำรวจว่า รู้ตัวคนขับรถที่ชนและมีการสอบปากคำไว้แล้ว และตำรวจแจ้งยืนยันมาว่าที่ยังไม่สรุปคดี เนื่องจากต้องการสอบถามผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังอาการดีขึ้นว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร เพื่อประโยชน์ของผู้บาดเจ็บเอง ซึ่งการทำคดีของตำรวจสิงคโปร์ สถานเอกอัครราชทูตไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้

 

Leave a comment