สวพ.7ขยายผลงานวิจัยปุ๋ยเชิงเดี่ยว จัดการสวนปาล์มช่วยลดต้นทุน-เพิ่มผลผลิตสวนภาคใต้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/239438

วันอังคาร ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

นายวิรัตน์ ธรรมบำรุง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 (สวพ.7) กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยเชิงเดี่ยวตามค่าวิเคราะห์ใบในปาล์มน้ำมัน เป็นหนึ่งในผลงานวิจัยที่พร้อมที่จะนำไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาการผลิตปาล์มน้ำมัน พืชเศรษฐกิจสำคัญของพื้นที่ภาคใต้ตอนบน โดยงานวิจัยดังกล่าวเกิดจากการทำสวนปาล์มน้ำมันของเกษตรกรประสบปัญหาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะค่าปุ๋ย ซึ่งคิดเป็นต้นทุนมากกว่า 50% เนื่องจากเกษตรกรมีการใช้ปุ๋ยที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อการให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันในอนาคตอีกด้วย เพราะปาล์มน้ำมันจะให้ผลผลิตสูงและสม่ำเสมอ หากได้รับธาตุอาหารที่เพียงพอและสมดุล ดังนั้น งานวิจัยนี้จึงตอบโจทย์ของเกษตรกร ทั้งยังสนองนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ประกาศให้เป็นปีแห่งการลดต้นทุน เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน เนื่องจากการวิเคราะห์ธาตุอาหารในใบปาล์มน้ำมัน เป็นวิธีการที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ สามารถทราบปริมาณธาตุอาหารที่มีอยู่ในต้นปาล์มน้ำมันว่ามีปริมาณธาตุอาหารอะไร ในระดับใดขาด เหมาะสมหรือมากเกินไป ทำให้สามารถจัดการธาตุอาหารได้ตรงตามความต้องการของพืช เช่น หากขาดธาตุอาหารโพแทสเซียม (K) ก็จะแนะนำให้ใส่ปุ๋ยเชิงเดี่ยวหรือแม่ปุ๋ย เฉพาะตัวที่ขาดเท่านั้น

สวพ.7 ได้มีการนำผลงานวิจัยขยายผลสู่การใช้ประโยชน์ โดยให้ นางสาวสุชาดา โภชาดม นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการและทีมนักวิชาการเกษตรของหน่วยงานและหน่วยงานในเครือข่าย จัดทำแปลงต้นแบบในพื้นที่เกษตรกร 140 ราย รายละ 5 ไร่ใน จ.สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช กระบี่ระนอง พังงา และภูเก็ต พบว่าการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ใบสามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยลงได้ 2,187 บาทต่อไร่ต่อปี หรือ 24% เมื่อเทียบกับก่อนเข้าร่วมโครงการ ขณะที่ผลผลิตเพิ่มขึ้น 3-3.5 ตันต่อไร่ต่อปี ซึ่งผลผลิตเฉลี่ยของปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนอยู่ที่ 720 กก.ตันต่อไร่ต่อปี หรือคิดเป็นผลผลิตที่เพิ่มขึ้น 25% เมื่อต้นทุนการผลิตลดลงและผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5,096 บาทต่อไร่ต่อปี สวพ.7จึงได้มีการต่อยอดขยายผลต่อเนื่อง โดยให้เกษตรกร 140 ราย สร้างเครือข่ายเพิ่มขึ้นอีกคนละ 5 ราย เพื่อต่อยอดงานวิจัยพร้อมใช้ให้ขยายผลสู่การใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้นไปอีก

Leave a comment