ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/238521

วันพุธ ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
การประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมาซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของปีงบประมาณ 2559 ได้มีการอนุมัติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ที่เหลืออยู่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรียบร้อยแล้ว ทันเข้ารับตำแหน่งแทนผู้ที่เกษียณอายุสิ้นเดือนกันยายน โดยเริ่มต้นการทำงานในปีงบประมาณ 2560 เดือนตุลาคม ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา
สรุปสักนิด สำหรับ 11 ตำแหน่งระดับ 10 กระทรวงเกษตรฯที่ครม.อนุมัติครั้งนี้ เป็นตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง 9 ตำแหน่ง ผู้ที่ได้ขึ้นไปเป็นมี 1.รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร-นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ, 2.รองอธิบดีกรมชลประทาน -ว่าที่ ร.ต.ไพเจน มากสุวรรณ์, 3.รองอธิบดีกรมปศุสัตว์-นายโอภาส ทองยงค์, 4.รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์- นายปริญญา เพ็งสมบัติ, 5.รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร-นายดิเรก ตนพะยอม, 6.รองเลขาธิการ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม-นายสุวรรณ บูราพรนุสรณ์, 7.รองอธิบดีกรมประมง- นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์, 8.รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์-นายประยวน
พันธ์สวัสดิ์ และ 9.รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์- นายเสนอ ชูจันทร์
ส่วนอีก 2 ตำแหน่ง ได้แก่ นางสาวจริยา สุทธิไชยา จากรองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ขึ้นเป็นเลขาธิการ สศก. และนายสุรสีห์ กิตติมณฑล รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขึ้นเป็นอธิบดีกรมฝนหลวงฯ
แหล่งข่าวในกระทรวงยืนยันว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลยะ รมว.เกษตรฯเป็นผู้พิจารณาเลือกระดับรองอธิบดี ขึ้นมาเป็น ผู้ตรวจฯระดับ 10 และอธิบดีทั้ง 2 กรมนี้ด้วยตนเองทั้งหมด และการเลือกครั้งนี้ก็ได้รับเสียง “ตบมือ”ด้วยความชื่นชมว่า ตัดสินใจได้ดี มีความเหมาะสม โดยเฉพาะการเลือก “ลูกหม้อ” ทั้งนางสาวจริยา สุทธิไชยา ขึ้นมาเป็นเลขาฯสศก.และนายสุรสีห์
กิตติมณฑล ขึ้นเป็นอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ด้วยรองอธิบดีทั้งสองท่าน ล้วนมีความรู้ ความสามารถเฉพาะทางเป็นอย่างดียิ่งในสายงานที่ได้ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ทั้ง 2 หน่วยงานนี้
สำหรับผู้ที่ได้รับเลือกเป็นผู้ตรวจราชการ โดยส่วนใหญ่อยู่ในตำแหน่งรองอธิบดีรอขึ้นระดับ 10 มานานแล้วและเหลืออายุราชการอีกเพียงปีเดียว การได้ขึ้นเป็นผู้ตรวจฯก่อนเกษียณ จึงนับเป็นบำเหน็จรางวัล ที่น่าจะสร้างขวัญและกำลังให้ได้มาก
เสร็จจากข้าราชการระดับ 10 แล้ว ต่อไปตามขั้นตอนก็ต้องเป็นเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองอธิบดีซี 9 ขึ้นมาทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยปลัดกระทรวงฯมีอำนาจสูงสุดที่จะเป็นผู้พิจารณา แต่ก็เกิดความไม่แน่นอนว่า ปลัดฯ ธีรภัทร ประยูรสิทธิ จะมีโอกาสได้จัดทัพรองอธิบดีในครั้งนี้หรือไม่ เพราะกระแสเรื่อง “เปลี่ยนตัว” ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ดูจะแรงขึ้นมาอีกแล้ว
อย่างที่ทราบกันอยู่ว่า ที่ผ่านมาปลัดฯ ธีรภัทรไม่สามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้จริงๆ เพราะการที่ข้ามห้วยมาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ขาดวามรู้ความเข้าใจงานของกระทรวงเกษตรฯอย่างเพียงพอ ทั้งอาวุโสและบารมีก็ไม่มากพอที่จะสั่งงานอธิบดีระดับเขี้ยวๆได้ ทำให้ระยะหลังๆทางพล.อ.ฉัตรชัยก็ไม่ค่อยใช้งานปลัดฯธีรภัทรแล้ว ขณะที่การทำงานของกระทรวงเกษตรฯนับวันก็ยิ่งสำคัญ มีบทบาทที่ต้องเร่งสร้างผลงานให้เด่นชัด เพื่อให้รัฐบาล คสช.มีโอกาส “ต่ออายุ” ในอำนาจต่อไปหลังการเลือกตั้งตามโรดแมปปลายปี 2560
ฉะนั้น พล.อ.ฉัตรชัยคงไม่ปล่อยตำแหน่งสำคัญอย่างปลัดกระทรวงฯอยู่ในสภาพ “เป็ดง่อย” แบบนี้ไปเรื่อยๆแน่ จำเป็นต้องหาคนใหม่มาเป็นตัว“เชื่อมงาน” ในกระทรวงที่มีประสิทธิภาพให้ได้
ว่ากันว่า ตอนนี้แคนดิเดตมีอยู่ 2 คนที่มีสิทธิชิงขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงฯคนใหม่ในเร็วๆนี้ คือ รองปลัดฯเลิศวิโรจน์
โกวัฒนะกับอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร-สมชาย ชาญณรงค์กุล
ดูเหมือนรองปลัดฯเลิศวิโรจน์มี“แต้มต่อ”เหนือกว่าเล็กน้อย ที่ใกล้ชิดขั้วอำนาจฝ่ายทหาร แต่ก็มีจุดอ่อนคือ ความรอบรู้งานกระทรวงเกษตรฯ โดยเชี่ยวชาญงานกรมชลประทานเป็นหลักเท่านั้น เพราะเติบโตมาด้านนี้ เป็นอธิบดีกรมชลประทานจนครบวาระ 4 ปีจึงย้ายมาเป็นรองปลัดฯเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนอธิบดี-สมชาย เป็นผู้ที่“ครบเครื่อง”เรื่องงานเกษตรฯมากกว่า ผ่านงานสำคัญๆมามาก ฝืไม้ลายมือเป็นที่ยอมรับ ช่วงที่เป็นอธิบดีกรมวิชาการเกษตรซึ่งเพิ่งถูกย้ายมากรมส่งเสริมการเกษตรนี้ ก็ได้ฝากผลงานจัดการปัญหา“ปุ๋ยปลอม”ซะอยู่หมัด
สุดท้ายแล้วจะมีการเปลี่ยนตัวปลัดเกษตรฯคนใหม่ในเร็วๆนี้หรือไม่ และผู้ที่จะเข้าวินจะเป็นใคร ก็คงอยู่ที่การตัดสินใจของพล.อ.ฉัตรชัยเป็นสำคัญ ซึ่งถ้าเลือกคนได้ถูก เชื่อว่า น่าจะสร้างผลงานได้โดดเด่นขึ้น ไม่ต้องเป็นรัฐมนตรีที่โพลล์สำรวจแล้ว ผลงานไม่น่าประทับใจ เหมือนที่ผ่านมาอีก