ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/238169

วันจันทร์ ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า นิคมสหกรณ์ เป็นพื้นที่ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ มีการบริหารจัดการเป็นระบบ มีผู้ดูแลชัดเจน คือ ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์ ซึ่งมีทั้งหมด 49 นิคมสหกรณ์ แบ่งเป็น นิคมสหกรณ์ประเภทจัดที่ดิน 36 แห่ง และนิคมสหกรณ์ประเภทเช่า 13 แห่ง โดยปัจจุบัน นิคมสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่นำนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ นโยบายแปลงใหญ่ เกษตรอินทรีย์ ธนาคารสินค้าเกษตร และการน้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง หรือเกษตรทฤษฎีใหม่ เข้าไปดำเนินการในพื้นที่

ทั้งนี้อีกหนึ่งนโยบายที่จะเร่งดำเนินการในปีงบประมาณ 2560 คือ การสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรร่วมกัน ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ให้ความสำคัญเพิ่มเติมจากภารกิจเดิม ที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป เช่น การพัฒนากระบวนการผลิตปาล์มน้ำมัน การจัดสรรที่ดินตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)

“พื้นที่นิคมสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ มุ่งเน้นขับเคลื่อนนโยบายแปลงใหญ่ ตามแผนที่ Agri Map ซึ่งหลายนิคมสหกรณ์มีการปรับเปลี่ยน โดยปีที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการนำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี เพื่อเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการที่เป็นระบบ พร้อมนำแนวนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปดำเนินการ นอกจากการบริหารสหกรณ์ให้มีความยั่งยืนแล้ว เรื่องอาชีพ การใช้พื้นที่ที่มีความเหมาะสม การผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่ จะได้นำไปใช้ในการพัฒนานิคมสหกรณ์ด้วย” นายวิณะโรจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นิคมสหกรณ์ลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ถือเป็นต้นแบบหนึ่ง ได้เข้าไปดูแล ส่งเสริมอาชีพสมาชิก และเกษตรกรตามระบบแปลงใหญ่ด้านการเลี้ยงโคนม แปลงใหญ่หญ้าเนเปียร์ และส่งเสริมอาชีพที่มีความต่อเนื่อง การสร้างเครือข่าย
อาชีพร่วมกับสหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด เป็นสหกรณ์ตั้งขึ้นใหม่ตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งเป็นการดูแลระหว่างสหกรณ์ใหญ่ คือ สหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด กับสหกรณ์เล็ก เพื่อสร้างอาชีพให้กับสหกรณ์เล็ก มีโอกาสสร้างความยั่งยืน เช่น การส่งเสริมปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อส่งให้กับสหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด ที่มีระบบการเลี้ยงโคนมแบบแปลงใหญ่ โดยการสร้างโรงเลี้ยงโคนมกลาง เพื่อช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงให้กับสมาชิก พร้อมทั้งการพัฒนาองค์ความรู้แก่สมาชิกสู่การสร้างอาชีพที่ยั่งยืนต่อไป