แตกใบอ่อน : ขวางทางปืน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/237586

807934531

วันพฤหัสบดี ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

เป็นเสียยิ่งกว่า “สายฟ้าแลบ” สำหรับคำสั่งโยกย้าย “นายเกษมสันต์ จิณณวาโส” ออกจากเก้าอี้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา โดยให้มานั่งตบยุงที่ตำแหน่ง “ผู้ตรวจราชการพิเศษ” ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

แม้การโยกย้ายครั้งนี้ จะไม่ได้เป็นการเสนอจากรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง “บิ๊กเต่า” พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่เป็น “ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้เสนอขอ “รับโอน” ให้มาทำงาน โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสม

แต่หากย้อนไปฟังเสียงของ นายเกษมสันต์ ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังรับทราบข่าวดังกล่าวก็จะทราบถึง “กลิ่นอาย” ความไม่ปกติของการโยกย้ายครั้งนี้ เพราะแม้ นายเกษมสันต์ จะบอกว่า ไม่ติดใจกับการโยกย้ายครั้งนี้ แต่เมื่อถูกถามย้ำว่าเป็นเพราะมีความขัดแย้งกับ พล.อ.สุรศักดิ์ มาก่อนหรือไม่ นายเกษมสันต์ ก็ตอบด้วยน้ำเสียงแปล่งๆว่า ขอให้ไปถามรัฐมนตรีเอาเอง แต่โดยส่วนตัวแล้วทำงานตามหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ส่วนเรื่องความขัดแย้งคงไม่ต้องพูดถึง

ส่วนสาเหตุที่แท้จริงสำหรับการโยกย้ายครั้งนี้ แม้จะมีกระแสข่าวว่า ที่ นายเกษมสันต์ ต้องกระเด็นจากเก้าอี้ปลัดกระทรวงอย่างกะทันหัน เป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาถูกร้องเรียนในหลายเรื่อง โดยเฉพาะกรณีการแต่งตั้งผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) 18 ตำแหน่ง ซึ่งคนที่ได้จบมาจากโรงเรียนป่าไม้แพร่ทั้งสิ้น ขณะที่ข้าราชการที่จบจากคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สอบไม่ได้แม้แต่คนเดียว จนนำไปสู่การร้องเรียนถึง พล.อ.สุรศักดิ์ ว่าไม่มีความโปร่งใส

อย่างไรก็ตาม หากไปถามคนในสำนักปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็จะได้คำตอบอีกอย่าง เพราะข้าราชการที่นั่นพากันวิจารณ์กันอย่างหนาหูว่า สาเหตุที่แท้จริงเพราะ นายเกษมสันต์ ดันไปขวางทางปืนของ “บิ๊กเต่า” เข้าให้

เรื่องของเรื่องมาจาก พล.อ.สุรศักดิ์ เจ้ากระทรวง พยายามจะผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตาม ม.44 ยุบรวม “กรมทรัพยากรน้ำบาดาล” มารวมกับ “กรมทรัพยากรน้ำ” เพื่อจัดตั้งหน่วยงานใหม่ คือ “สำนักงานคณะกรรมการน้ำแห่งชาติ” เพื่อมาดูแลเรื่องน้ำทั้งระบบตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.อ.สุรศักดิ์ เองก็เห็นว่า ที่ผ่านมาการทำงานของทั้ง 2 กรมยังไม่เข้าเป้าและต่างคนต่างทำงาน เวลาเกิดน้ำท่วม ภัยแล้งขึ้นมาที ก็ทำงานกันออกทะเล จนรัฐบาลโดนถล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงจำเป็นต้องรื้อโครงสร้างการบริหารเดิมๆ และวางโครงสร้างใหม่ขึ้นมาดำเนินการแทน

แต่คนที่ค้านเรื่องนี้ชนิดหัวชนฝาก็คือ นายเกษมสันต์ เนื่องจากมองว่าเป็นการมองปัญหาที่ไม่รอบด้าน เนื่องจากในการทำงานด้านการจัดการน้ำยังมีหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะ “กรมชลประทาน” เข้ามาเกี่ยวด้วย ดังนั้นหากจะมีการปรับโครงสร้างจริง ก็ต้องคุยกันยาว และคุยกันให้ลึกกว่านี้ ไม่ใช่หลับหูหลับตาลงมือทำแบบดุ่ยๆ ไปเหมือนที่ พล.อ.สุรศักดิ์ กำลังดำเนินการ

พอออกเสียงคัดค้านทัดทานกันมากเข้าก็เลยกลายเป็นความขัดแย้ง ขณะเดียวกันก็มีคนในรัฐบาลเองก็เริ่มไม่แฮบปี้ที่เห็น นายเกษมสันต์ เที่ยวไปพูดแสดงความไม่เห็นด้วยต่างวาระต่างๆหลายครั้ง สุดท้ายผลจึงออกมาแบบที่เห็น คือ เมื่อขวางทางปืน ก็เลยต้องโดนลูกปืนเขี่ยให้พ้นทาง

อย่างไรก็ตาม “บิ๊กเต่า” และบิ๊กรัฐบาลก็อย่าเพิ่งประมาทไป

เพราะแว่วมาเหมือนกันว่า งานนี้ ยังไม่จบ!

มะลิลา

Leave a comment