ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ต.ค. 2559 18:20
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/745682

หญิงไทยถูกจับกุมตัวข้อหาค้ามนุษย์ตามหมายจับสหรัฐฯ กำลังถูกศาลเบลเยียมพิจารณาคดี อ้างมีธุรกิจท่องเที่ยวที่ให้บริการขายตั๋วเครื่องบินและรับทำวีซ่า เหมือนบริษัทนำเที่ยวทั่วไป
เมื่อ 6 ตุลาคม 2559 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำเบลเยียม รายงาน หญิงไทยซึ่งถูกจับที่เบลเยียม ใช้ชื่อว่า นางอลิซ วาเรน (คนเดียวกับที่อัยการสหรัฐฯ แถลงชื่อ นางสุมาลี อินทรทอง) กำลังถูกศาลชั้นต้นแห่งเมืองลิเอจน์ ในเบลเยียม พิจารณาคดี โดยมีการไต่สวนมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา โดยถูกจับกุมตัวได้ที่สนามบินสคิปโพล ในกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงเนเธอร์แลนด์ ตามหมายจับยุโรปที่ทางการเบลเยียมประกาศ เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ในข้อหาจัดส่งหญิงไทยไปประกอบอาชีพโสเภณี ร่วมเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ การกดขี่ให้ผู้อื่นทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตนโดยผิดกฎหมาย และการฟอกเงิน
ภายหลังจากการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นแห่งเมืองลิเอจน์เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นางอลิซก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวตามหมายจับระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในข้อหาเป็นผู้จัดการส่งหญิงไทยไปค้าประเวณีในสหรัฐอเมริกา การบังคับใช้แรงงานผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตน การฟอกเงิน และปลอมแปลงเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ๋าเดินทางเข้าสหรัฐฯ ทำให้เธอต้องถูกจำคุกอีกครั้ง หลังจากที่ศาลเบลเยียมได้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยต้องใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์
นางอลิซได้ถูกจับกุมตัวขณะเดินทางไปเบลเยียมเพื่อพบกับชายชาวเบลเยียมชื่อ ฟิลิป ซึ่งมีความสัมพันธ์และมีแผนจะแต่งงานกัน โดยในการให้ปากคำต่อศาลนั้น นางอลิซระบุว่า เธอมีธุรกิจท่องเที่ยวที่ให้บริการขายตั๋วเครื่องบินและรับทำวีซ่าเหมือนกับบริษัทนำเที่ยวทั่วไป เมื่อมีลูกค้าเข้ามาขอบริการเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะให้บริการกรอกเอกสาร จัดเตรียมเอกสาร และพาไปยื่นขอวีซ่า โดยคิดค่าบริการตามปกติ
นอกจากนั้น นางอลิซยังให้ปากคำต่อผู้พิพากษาว่า หญิงไทยที่เดินทางมาเบลเยียมนั้น มีคนไทยชื่อเล่นว่า โรส กับน้องชายและน้องสะใภ้ที่อยู่ประเทศไทยเป็นผู้มาขอให้ทำเรื่องเพื่อจัดโปรแกรมเดินทางไปหลายประเทศในยุโรป อาทิ สเปน อิตาลี และเยอรมนี ขณะที่ ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า โรสได้เดินทางกลับประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2558 และปล่อยให้เพื่อนชายชาวปากีสถานที่ถูกจับกุมตัวเป็นผู้ดำเนินธุรกิจและดูแลหญิงไทยที่ยังอยู่เบลเยียม
จากการจับกุมหญิงไทยเดินทางไปค้าประเวณีโดยผิดกฎหมายจำนวน 5 คน โดยมีหญิงไทยชื่อเล่นว่า โรส เป็นผู้จัดการในเบลเยียมร่วมกับชายชาวปากีสถานซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่อังกฤษ และถูกจับกุมตัวด้วย โดยจะมีการประกาศให้บริการทางเพศลงในอินเทอร์เน็ต จัดหาโทรศัพท์มือถือสำหรับใช้ในการติดต่อนัดหมายเมื่อมีลูกค้าสนใจต้องการรับบริการ นอกจากนั้น ยังใช้สำหรับการตรวจสอบว่า เธออยู่ในบ้านและพร้อมที่จะให้บริการ ปกติจะทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 02.00 น. หรือบางครั้งหากมีลูกค้าจะมาใช้บริการตอนเช้าก่อน 10.00 น. ก็ต้องพร้อมที่จะให้บริการ ช่วงเวลาที่มีประจำเดือนก็จะถูกบังคับให้ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดใส่สำหรับดูดซับประจำเดือน โดย ‘แม่เล้า’ จะเป็นผู้จัดหาถุงยางอนามัย เจลหล่อลื่น กระดาษอนามัยสำหรับทำความสะอาด ฯลฯ
เมื่อลูกค้ารายใดสนใจ หลังเห็นประกาศการให้บริการของหญิงสาว ก็จะโทรศัพท์ติดต่อเข้ามา ผู้ดูแลก็จะแจ้งอัตราค่าบริการ พร้อมให้ที่อยู่ที่หญิงสาวรอให้บริการอยู่พร้อมกับการนัดหมายเวลาและตกลงราคา จากนั้นก็จะโทรไปแจ้งหญิงสาวให้เตรียมเปิดประตูต้อนรับลูกค้าและให้บริการครั้งละครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่จะตกลงแต่แรก เมื่อให้บริการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะต้องส่งเอสเอ็มเอสไปบอกว่า โอเค หรือ พร้อมสำหรับการให้บริการลูกค้ารายต่อไป
ขณะที่ ผู้ต้องหาชาวปากีสถานให้การซัดทอดว่า เคยพบกับนางอลิซครั้งหนึ่งในประเทศไทย และได้เคยโอนเงินให้ผ่านทางเวสเทิร์นยูเนียนด้วย ซึ่งนางอลิซให้การโต้แย้งว่า เงินที่เธอได้รับเป็นค่าตั๋วเครื่องบินและค่าบริการยื่นขอวีซ่า โดยได้ปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับขบวนการดังกล่าวแต่อย่างใด
ขณะที่หญิงสาวที่ถูกจับกุมตัวได้ให้การว่า มีการติดต่อกับนางอลิซตลอดผ่านทางไลน์ชื่อว่า ดิวอลิซ และชี้ตัวจากรูปภาพได้ถูกต้อง โดยระบุว่า นางอลิซใช้ชื่อเล่นว่า ‘เอ้’ ในการติดต่อกับพวกเธอ ทางด้านนางอลิซให้การต่อศาลว่า โทรศัพท์เธอหายและได้แจ้งความไว้พร้อมมีบันทึกแจ้งความเป็นหลักฐาน เธอเข้าใจว่า มีคนที่ขโมยโทรศัพท์ของเธอไปเพื่อใช้ในการติดต่อกับหญิงสาวที่ทำงานอยู่ต่างประเทศโดยใช้ไลน์ของเธอ
ศาลชั้นต้นแห่งเมืองลิเอจน์ได้นัดไต่สวนคดีอีกครั้งในวันที่ 19 ตุลาคม ทางด้านทนายของนางอลิซได้ยื่นคัดค้านการส่งตัวผู้ต้องหาตามหมายจับระหว่างประเทศที่ทางการสหรัฐฯ ให้กับเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาตามที่ร้องขอ เนื่องจากผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลเบลเยียมในข้อหาเดียวกัน ซึ่งตามหลักการพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ หากเป็นคดีที่มีข้อหาเหมือนกัน ผู้ต้องหาจะถูกตัดสินโดยศาลประเทศเดียวเท่านั้น ไม่สามารถถูกตัดสินลงโทษในหลายประเทศได้ในเวลาเดียวกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ช็อก!สื่อนอกตีข่าว มะกัน‘ชัตดาวน์’ ทลายแก๊งค้ากาม หลอกหญิงไทยไปขายตัว