จำนวนผู้รับชมทางโทรทัศน์ในการโต้วาทีครั้งที่ 2 ระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ลดฮวบอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับการดีเบตครั้งแรกที่ทำลายสถิติตัวแทนพรรคเข้าชิงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทั้งที่มีกรณีคลิปวีดิโอของทรัมป์เมื่อปี 2548 ที่พูดจาอวดเบ่งและแทะโลมผู้หญิง

ทั้งนี้ ข้อมูลของ ‘นีลเซน ฟาสต์ เนชัน เดตา’ (Nielsen Fast National data) ซึ่งนับจำนวนผู้ชมการถ่ายทอดออกอากาศและเคเบิล 10 ช่องเมื่อ 10 ต.ค. พบว่า มีชาวอเมริกันเปิดทีวีรับชมการถ่ายทอดสดตลอดระยะเวลา 90 นาที เมื่อวันอาทิตย์ 9 ต.ค. ราว 63.6 ล้านคน น้อยกว่าการรับชมดีเบตครั้งแรกเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่ทำสถิติ 84 ล้านคน มีสาเหตุจากหลายปัจจัยทั่งการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล, พายุแมทธิว และความเบื่อหน่ายของคนดี แต่ถึงอย่างไร ตัวเลขผู้รับชมยังไม่รวมผู้ที่รับชมผ่านสังคมออนไลน์ รวมถึงตามร้านอาหารอีกหลายล้านคน

ขณะที่ผลโพลแสดงความคิดเห็นล่าสุดโดย สำนักข่าวเอพี-จีเอฟเค ซึ่งเผยแพร่ก่อนคลิปหลุดของทรัมป์ออกมา ส่วนใหญ่ร้อยละ 60 ต่อร้อยละ 52 เกรงว่าทรัมป์จะได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และร้อยละ 54 ต่อร้อยละ 49 มองว่า ทรัมป์ดูไม่มีมรรยาท เช่นเดียวกับผลสำรวจของมหาวิทยาลัยควินนิแพ็คล่าสุดก็พบว่า ผู้หญิงสนับสนุนคลินตันร้อยละ 53 ต่อร้อยละ 33

ส่วนกระแสคลิปหลุดของทรัมป์ยังส่งผลต่อสมาชิกภายในพรรครีพับลิกัน โดย ส.ส.พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ประกาศต่อเพื่อนสมาชิกพรรคด้วยกันว่า จะไม่ช่วยทั้งรณรงค์หาเสียงหรือปกป้องนักธุรกิจอย่างทรัมป์กับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ แต่จะมุ่งรณรงค์ปกป้องที่นั่ง ส.ส.ในสภาล่าง ซึ่งพรรคเดโมแครตต้องการอีก 30 ที่นั่ง ขณะที่นายไรน์ส พรีบัส ประธานคณะกรรมการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน (อาร์เอ็นซี) เผยว่า ตนจะให้ความร่วมมือกับตัวแทนพรรคในการลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนนี้ต่อไป ส่วนวุฒิสมาชิกพรรคคนอื่นราว 40 คน ขอถอนตัวจากการสนับสนุนทรัมป์ และอีกเกือบ 30 คนเรียกร้องให้ทรัมป์ถอนตัว

อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวลือของทรัมป์เกี่ยวกับคำพูดหรือบทสคริปต์ที่ล่วงละเมิดผู้หญิงสมัยทำรายการเรียลลิตี้ ทีวี โชว์ยอดฮิต “ดิ แอพแพรนทิซ” เริ่มออกมามากขึ้น แต่ยังไม่มีการเผยแพร่เพราะข้อจำกัดทั้งสัญญาและข้อกฎหมายที่เข้มงวดกับพนักงานของทางรายการ ซึ่งอาจถูกปรับเป็นเงิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 176 ล้านบาท) ขณะที่ นสพ.เดอะ ฮัฟฟิงตัน โพสต์ รายงานอ้างสคริปต์บทหนึ่งเกี่ยวกับทรัมป์วิจารณ์ผู้เข้าประกวดเกี่ยวกับผิวของเธอว่าต้องไปรักษาโรคผิวหนังอย่างแรง.