ยูเอ็นห่วงขัดแย้งรัฐยะไข่-วอนสงบอย่าตอบโต้กัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 ต.ค. 2559 03:00

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/752026

 

เมื่อ 12 ต.ค.นายวิจัย นัมเบียร์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านกิจการเมียนมาของนายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงแสดงความเป็นห่วงและเรียกร้องพลเรือนในพื้นที่รัฐยะไข่ ภาคตะวันตกของเมียนมา ใช้ความระงับยับยั้งอย่างสูงและอย่าได้ตอบโต้ต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ในปัจจุบัน ทั้งนี้หลังสื่อรัฐบาลเมียนมารายงานวันเดียวกันนี้ว่ามีผู้เสียชีวิตอีก 12 คนในเหตุปะทะระหว่างกลุ่มชายติดอาวุธและทหารที่รัฐยะไข่

โดยสื่อรัฐบาลเมียนมารายงานว่า มีทหาร 4 นายและสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ 1 คน เสียชีวิตเมื่อ 11 ต.ค. เมื่อเกิดเหตุชายฉกรรจ์นับร้อยคนที่มีดาบและปืนสั้นเป็นอาวุธ บุกโจมตีทหารเมียนมาในหมู่บ้านพยองพิต เมืองหม่องดอ ซึ่งพลเมืองส่วนใหญ่เป็นมุสลิมโรฮีนจาและยังมีผู้เสียชีวิตในเหตุรุนแรงอีก 7 คนในหมู่บ้านอีกหนึ่งแห่งในเมืองเดียวกัน

เหตุรุนแรงในพื้นที่รัฐยะไข่ระลอกล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อทางการเมียนมาส่งทหารเข้าพื้นที่ซึ่งอยู่ติดพรมแดนบังกลาเทศ หลังมีตำรวจ 9 นายเสียชีวิตในเหตุกลุ่มคนร้ายไม่ทราบฝ่ายบุกโจมตีด่านตรวจผ่านแดน 3 ด่านในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อ 9 ต.ค. และแม้จับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 6 คน แต่เจ้าหน้าที่เมียนมาไม่เปิดเผยรายละเอียดของผู้ต้องสงสัยและมูลเหตุจูงใจมากนัก ขณะที่บางคนกล่าวหาว่าเป็นฝีมือชาวมุสลิมโรฮีนจาหรือไม่ก็เป็นกลุ่มคนร้ายชาวบังกลาเทศ

ขณะเดียวกัน ได้เกิดข่าวลือแพร่สะพัดทางสื่อสังคมออนไลน์ว่าจะมีการเข้ามากวาดจับและเข่นฆ่าหมู่ผู้คนทั่วเมืองหม่องดอ ยิ่งทำให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ชาวบ้าน หลายคนไม่กล้าออกจากบ้านขณะมีทหารเดินแถวลาดตระเวนตามถนนหนทาง ด้านกลุ่มนักเคลื่อนไหว เตือนว่าอาจมีการยกเหตุเข้ามาไล่ตัวผู้ต้องสงสัยเป็นข้ออ้างปราบปรามชาวมุสลิมโรฮีนจาในพื้นที่ได้

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้หวั่นเกรงกันว่าอาจลุกลามนำไปสู่เหตุปะทะครั้งใหญ่ในพื้นที่เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2555 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน ชาวมุสลิมโรฮีนจาต้องเป็นคนไร้บ้านและเข้าไปอยู่ตามค่ายพักพิงนับหมื่นคน เหตุขัดแย้งยังเกิดขึ้นขณะนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและ รมว.ต่างประเทศเมียนมา ตั้งคณะทำงานพิเศษที่นำโดยนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็น ขึ้นมาหาแนวทางเยียวยาความขัดแย้งในพื้นที่.

 

Leave a comment