ชวนไขข้อข้องใจ ทาน’น้ำมัน’ดีต่อร่างกายจริงหรือไม่?!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/237566

วันพุธ ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559, 17.04 น.

น้ำมัน เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ใช้ถูกนำมาใช้เพื่อการปรุงอาหาร รวมไปถึงที่นำมาทำเป็นอาหารเสริมชนิดต่างๆ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า น้ำมันเหล่านั้นให้ประโยชน์กับร่างกายจริงหรือเปล่า และควรทานมากน้อยเพียงใด

วันนี้เราจึงมี คุณค่าจากน้ำมัน 6 ชนิดที่ควรทานและไม่ควรทาน มานำเสนอ เพื่อให้คุณได้เลือกทานอย่างถูกชนิดและมีสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริง

1. น้ำมันปลา

เป็นน้ำมันที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน ทูน่า เป็นน้ำมันชนิดเดียวที่คุณหมอแนะนำว่า ควรทานเพราะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายชนิด โดยเฉพาะกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ และจำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น และยังมีกรดไขมันโอเมก้า6 ที่ช่วยลดระดับไขมันในเลือดด้วย

2. น้ำมันตับปลา

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเข้าใจว่า “น้ำมันปลา” และ “น้ำมันตับปลา” เป็นน้ำมันชนิดเดียวกัน ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะน้ำมันปลาสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก ส่วนน้ำมันตับปลา สกัดจากตับปลาทะเล เช่น ปลาคอด ปลาแฮลิบัต น้ำมันชนิดนี้มีวิตามินเอและดีอยู่ค่อนข้างมาก ส่วนโอเมก้า3 นั้นมีอยู่บ้างแต่ไม่เข้มข้นเท่าน้ำมันปลา อย่างไรก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องทานน้ำมันตับปลาก็ได้ เพราะเราสามารถรับวิตามินเอได้จากการกินผักและผลไม้สีส้ม ส่วนวิตามินดีก็รับได้จากแสงแดดอุ่นๆ ตอนเช้าอยู่แล้ว

3. น้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าวแตกต่างจากน้ำมันที่กล่าวมาทั้งหมด เพราะประกอบไปด้วยไขมันอิ่มตัวราว 92% แต่ต่างจากไขมันอิ่มตัวจากสัตว์ มีคุณสมบัติที่ต่างไปจากอาหารไขมันอิ่มตัวสูงอื่นๆ แต่คุณสมบัติต้านไวรัส แบคทีเรีย หรือลดความเสี่ยงเบาหวานนั้นยังไม่มีการพิสูจน์ หากจะกินก็ควรกินแต่น้อยจะดีกว่า

4. น้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรส

น้ำมันชนิดนี้เหมาะสำหรับสาวๆ มาก เพราะเป็นแหล่งของโอเมก้า6 ที่ช่วยรักษาภาวะประจำเดือนผิดปกติ เช่น อาการปวดประจำเดือน ความหงุดหงิดก่อนมีประจำเดือน คลายการเจ็บเต้านมช่วงก่อนมีประจำเดือน ลดอาการบวม หรือสิวขึ้นก่อนมีประจำเดือนได้

5. น้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์

เหมาะสำหรับผู้กินมังสวิรัติแต่ไม่อยากขาดโอเมก้า3 แม้น้ำมันชนิดนี้จะมีโอเมก้า3 ไม่สูงเท่าน้ำมันปลาแต่ก็พอทดแทนกันได้ นอกจากนี้ ยังมีกรดอัลฟาไลโนเลอิก (ALA) ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ด้วย

6. น้ำมันรำข้าว

มีฤทธิ์ในการต้านอาการอักเสบน้อย เพราะมีโอเมก้า3 น้อยมาก แต่มีโอเมก้า6 สูงมาก หากกินมากๆ โดยไม่กินโอเมก้า3 ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดข้อได้ ดังนั้น น้ำมันชนิดนี้จึงเหมาะที่จะนำมาประกอบอาหารมากกว่ากินเป็นอาหารเสริม

ที่มา : lisaguru

Leave a comment