ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ต.ค. 2559 04:20
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/758107

นักวิจัยในประเทศออสเตรเลีย กำลังศึกษาน้ำนมของแทสมาเนียน เดวิล และสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องอื่นๆ หลังพบองค์ประกอบสำคัญ ที่อาจสามารถใช้เป็นอาวุธเพื่อสู้กับเชื้อดื้อยา มหันตภัยเงียบที่กำลังคุกคามมนุษย์อยู่ตอนนี้ได้…
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยว่า น้ำนมของตัว แทสมาเนียน เดวิล สัตว์ท้องถิ่นประจำรัฐแทสมาเนียน อาจกลายเป็นอาวุธเพื่อต่อสู้กับ เชื้อแบคทีเรียต้านยาปฏิชีวนะ หรือเชื้อ ซุปเปอร์บัก สายพันธ์ุต่างๆ ได้ หลังพวกเขาพบว่า นมของแทสมาเนียน เดวิลมี เพปไทด์ (peptide) สำคัญ ที่สามารถฆ่าแบคทีเรียที่จัดการได้ยาก รวมทั้งเชื้อ MRSA หรือ เชื้อสแตฟฟิโลคอกคัส ออเรียส ที่ดื้อยาเมธิซิลิน
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า แทสมาเนียน เดวิล (ชื่อวิทยาศาสตร์ Sarcophilus harrisii) วิวัฒนาการน้ำนมแบบนี้ขึ้นมาเพื่อให้ลูกๆ ของพวกมันมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ซึ่งทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยซิดนีย์กำลังคิดค้นวิธีรักษาแบบใหม่ซึ่งเลียนแบบ เพปไทด์ (สายโซ่โมเลกุลของกรดอะมิโนที่มาเชื่อมต่อกันด้วยพันธะเปปไทด์) ที่พบในน้ำนมของสัตว์ชนิดนี้ โดยพวกเขาได้สแกนรหัสพันธุกรรมของมัน เพื่อหาและสร้างองค์ประกอบต้านการติดเชื้อ ที่เรียกว่า แคธีลิซิดิน (cathelicidin) ขึ้นมาใหม่
ทีมวิจัยได้ลองนำตัวอย่าง เพปไทด์ ของแทสมาเนียน เดวิล ที่พวกเขาสังเคราะห์ขึ้น 6 ตัว ไปทดสอบกับเชื้อแบคทีเรีย 25 ชนิด โดย 6 ชนิดในจำนวนนี้คือเชื้อรา และพบว่า ตัวอย่าง Saha-CATH 5 และ 6 ใช้ได้ผลเป็นพิเศษกับเชื้อ MRSA นอกจากนี้มันยังสามารถฆ่าเชื้อดื้อยาได้อีกหลายตัวเช่น เชื้อเอนเทอโรคอกคัส ดื้อยาแวนโคไมซิน และเชื้อราชื่อ แคนดิดา ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อบนผิวหนัง
นักวิทยาศาสตร์ยังพบเพปไทด์ลักษณะคล้ายกันในน้ำนมของสัตว์สายพันธ์ุ มาร์ซูเพียล (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีกระเป๋าหน้าท้อง) ชนิดอื่นๆ เช่น ตัววอลลาบี หรือจิ้งโจ้แคระ และตัวโอพอสซัม (opossum) และตอนนี้พวกเขากำลังทำการศึกษาน้ำนมของหมีโคอาลา เพื่อหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการผลิตยาฆ่าซุปเปอร์บัก
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่า มนุษยจำเป็นต้องมียาชนิดใหม่อย่างเร่งด่วน เพื่อต่อสู้กับเชื้อดื้อยา โดยจากการประเมินล่าสุดพบว่า ในปี 2050 ซุปเปอร์บัก จะเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์เสียชีวิตมากกว่าโรคมะเร็ง และทั่วโลกจะมีคนตายเพราะเชื้อดื้อยา 1 คนในทุกๆ 3 วินาที หากไม่มีการออกมาตรการใดๆ เพื่อรับมือเรื่องนี้