ประชุมเมืองไทยอิ่มใจตามรอยพระราชดำริที่แม่ฮ่องสอน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/237718

วันศุกร์ ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอน

เมื่อเอ่ยถึง แม่ฮ่องสอน ทุกคนคงคิดถึง ปายหรือไม่ก็ ปางอุ๋ง สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในหน้าหนาวของนักท่องเที่ยว แต่วันนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของแม่ฮ่องสอนมาแนะนำ สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ได้เป็นเพียงการพักผ่อนแต่เมื่อได้มาเยือนคุณจะได้รับความรู้สึกภาคภูมิใจ รวมถึงแนวทางการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เมื่อสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ร่วมกับสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ และองค์กรพันธมิตร จัดทำโครงการ “ประชุมเมืองไทยอิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” เพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญ 3 ปิติ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี และเฉลิมพระชนมพรรษา88 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้มีการจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน ท่องเที่ยวในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหนึ่งในพื้นที่ตั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ศึกษาทดลองเพื่อการสร้างคุณภาพชีวิตให้กับชาวแม่ฮ่องสอนแล้ว ยังนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ใช้เวลาเพียง 3 วัน 2 คืนเท่านั้น

โครงการ “ประชุมเมืองไทยอิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” ในเส้นทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้ชื่อ “น้ำพระทัยสู่ราษฎรไทยภูเขา” วันแรกเริ่มต้นที่ ศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ศูนย์กลางในการฝึกอบรมงานศิลปาชีพประจำท้องถิ่น ได้แก่ การทอผ้าไหม ทอผ้าฝ้าย การทำเครื่องเงิน เครื่องจักสาน โดยพื้นที่ภายในอาคาร 3 ชั้น แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนต่างๆ ชั้นที่หนึ่งเป็นลานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของสมาชิก อาทิ ตุ๊กตาชาวเขา ผ้าทอ เครื่องจักสาน ของชำร่วยและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุในท้องถิ่น ชั้นที่สองเป็นห้องทรงงาน และจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติหมุนเวียน ในส่วนชั้นที่สาม เป็นพิพิธภัณฑ์ชนเผ่า 6 เผ่า ที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แก่ ลีซู ล่าหู่ ม้ง ลัวะไทใหญ่ และกะเหรี่ยง โดยจำลองวิถีชีวิต เครื่องแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันศิลปวัฒนธรรมของแต่ละชนเผ่า เสร็จแล้วรอเวลาเย็นๆ ไปสักการะ พระธาตุดอยกองมู ศาสนสถานพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมชมทิวทัศน์มุมสูงของเมืองแม่ฮ่องสอนแบบพาโนรามา

ฝึกอาชีพทอผ้าไหมที่ศูนย์ศิลปาชีพ

วันที่สองต่อด้วย ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตองตามพระราชดำริ จังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือเรียกสั้นๆ ว่า ศูนย์ปางตอง ตั้งอยู่ที่ ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง ห่างจากตัวเมืองไม่ถึงสิบกิโลเมตร โดยการดำเนินงานของศูนย์ปางตองนั้นเน้นด้านการศึกษาและประยุกต์งานวิชาการด้านการเกษตรบนพื้นที่สูงไปสู่เทคโนโลยีการผลิตและการปฏิบัติการที่สอดคล้องกับศักยภาพชุมชน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ดินและน้ำปัจจุบัน เช่น ข้าว ไม้ดอกและผลไม้เมืองหนาว การเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนเพื่อนำมาทำไข่ปลาคาเวียร์ ปลาท้องถิ่นการเลี้ยงแกะเพื่อตัดขน เป็นต้น ภายในศูนย์ปางตองยังเป็นที่ตั้งของเรือนประทับแรมซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯมาประทับแรมอย่างต่อเนื่องซึ่งขณะนี้ศูนย์ปางตองได้มีการพัฒนาเพื่อรองรับด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม ให้นักท่องเที่ยวหรือหน่วยงานที่สนใจมาจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน พร้อมการพักแรมได้อีกด้วย

แม่ฮ่องสอนก็มีแกะที่ศูนย์ปางตอง

จากนั้นลงพื้นที่ไปเยี่ยมชม “โครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ” (Food Bank) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของศูนย์ปางตอง ที่บ้านป่าแปก ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องมีราษฎรเข้าโครงการจำนวน 10 ครัวเรือน โครงการธนาคารอาหารชุมชน เกิดขึ้นจากพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีความห่วงใยผืนป่าและผืนน้ำที่เป็นแหล่งอาหารสำคัญ ทรงกลัวว่าชาวบ้านจะรุกพื้นที่ป่าเพื่อการดำรงชีพ ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพัฒนาให้แม่ฮ่องสอนเป็นแหล่งผลิตอาหารเลี้ยงตัวได้ เหลือจำหน่ายในพื้นที่ใกล้เคียง อันจะเป็นการช่วยลดการทำลายป่าไม้และแหล่งน้ำ

ทั้งนี้โครงการ Food Bank ได้ทำการจัดสรรพื้นที่ทำกินให้กับสมาชิกครัวเรือนละประมาณ 1-2 ไร่ แล้วเข้าไปสนับสนุนส่งเสริมการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ โดยเน้นผัก ผลไม้ที่ใช้ระยะเวลาสั้น เก็บเกี่ยวได้เร็ว เช่น คะน้า กวางตุ้ง ฟักทองญี่ปุ่น สตรอเบอร์รี่ ด้วยวิธีการใช้สารเคมีน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ในพื้นที่โดยเฉพาะแหล่งน้ำ และเป็นผลผลิตที่ชาวบ้านสามารถเก็บกินได้ในชีวิตประจำวันเพื่อลดการซื้อ การเลี้ยงหมูหลุม เลี้ยงไก่ เป็นต้น พืชผักที่ปลูกนั้นจะปลูกแบบหมุนเวียนและตามความต้องการของตลาด เพื่อสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ โดยจะรวมกลุ่มกันเพื่อนำผลผลิตไปจำหน่ายที่ตลาด ด้วยวิธีการดังกล่าวจึงทำให้สมาชิกที่มีวัตถุดิบอาหารบริโภคภายในครัวเรือน และมีมากพอเพื่อจำหน่ายสร้างรายได้สม่ำเสมอต่อเนื่องตลอดปี ซึ่งจะได้มีการขยายโครงการและพัฒนาให้เป็นศูนย์ศึกษาเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวต่อไปอนาคต

โครงการ “ประชุมเมืองไทยอิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้แคมเปญประชุมเมืองไทยภูมิใจช่วยชาติซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์ภายในประเทศได้เป็นอย่างดี

บ่อทดลองเพาะพันธุ์ปลาสเตอร์เจียนที่ศูนย์ปางตอง

ฟักทองญี่ปุ่นสินค้าขายดีของโครงการ Food Bank

Leave a comment