ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 21 ต.ค. 2559 05:30
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/760132

นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางฮิลลารี คลินตัน ผู้แทนพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ตามลำดับ เพื่อชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯใน 8 พ.ย. ขึ้นเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์รอบที่ 3 รอบสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยแห่งเนวาดา นครลาสเวกัส รัฐเนวาดาของสหรัฐฯเมื่อคืนวันที่ 19 ต.ค. ตามวันเวลาท้องถิ่น โดยมีนายคริส วอลเลซ เป็นพิธีกรดำเนินการดีเบต ซึ่งตึงเครียดตั้งแต่ต้นจนจบ มีการกล่าวโจมตีกันและกันแบบไม่ไว้หน้ารวมทั้งไม่ได้จับมือกันก่อนและหลังการดีเบต
นายทรัมป์ที่เรียกนางคลินตันว่าเป็นผู้หญิงที่น่าคลื่นไส้ ระบุอาจจะไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง ถ้าเป็นผู้แพ้ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่เขากล่าวหามีการทุจริตระบบเลือกตั้งเพื่อให้นางคลินตันชนะซึ่งอาจถูกมองเป็นการยอมรับเป็นนัยว่าคงไม่ชนะเลือกตั้ง ขณะที่คลินตันระบุว่าเป็นเรื่องน่าขยะแขยง ทรัมป์กำลังใส่ร้ายและดูหมิ่นประชาธิปไตยของสหรัฐฯ
นายทรัมป์ยังประกาศจะตั้งฝ่ายอนุรักษนิยมเป็นผู้พิพากษาศาลสูง เพื่อเข้าไปกลับคำตัดสินเรื่องสำคัญอย่างทำให้การทำแท้งถูกกฎหมายในสหรัฐฯและปกป้องสิทธิครอบครองอาวุธปืน ยืนยันจะเนรเทศผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายและเข้มงวดพรมแดนสหรัฐฯ ส่วนคลินตันประกาศสนับสนุนกลุ่มคนรักร่วมเพศ (แอลจีบีที) ปกป้องสิทธิ์การทำแท้ง ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มคนชั้นกลางและดูแลค่าจ้างที่เท่าเทียมของผู้หญิง
การดีเบตได้เพิ่มดีกรีความตึงเครียดมากขึ้นเมื่อนางคลินตันกล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ต้องการให้นายทรัมป์ชนะเลือกตั้งเพราะอยากได้หุ่นเชิดเป็นผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งทรัมป์ปฏิเสธและว่าคนที่เป็นหุ่นเชิดคือนางคลินตัน อีกหนึ่งเรื่องร้อนที่ทั้งคู่ตอบโต้กัน ทรัมป์กล่าวโจมตีนางคลินตันว่าตลอดระยะ 30 ปีในการเมือง มีแต่ประสบการณ์แย่มากๆ คลินตันตอบโต้คืนว่าขณะอยู่ในทำเนียบขาวช่วยตามล่าตัวนายโอซามา บิน ลาดิน อดีตหัวโจกเครือข่ายก่อการร้ายอัล เคดา ผู้ล่วงลับ นายทรัมป์ยังเป็นแค่พิธีกรรายการเรียลิตี้โชว์
กรณีคลิปวีดิโอฉาวและมีผู้หญิงหลายคนกล่าวหาเคยถูกทรัมป์ลวนลาม นายทรัมป์ปฏิเสธ ระบุเป็นการมุ่งทำลายชื่อเสียงกัน ด้านคลินตันพูดถึงเรื่องนี้ว่านายทรัมป์คิดว่าการหมิ่นผู้หญิงทำให้เขามีความสำคัญขึ้น นายทรัมป์ตอบว่าไม่มีใครเคารพผู้หญิงมากกว่าตนแล้ว ซึ่งก็เรียกเสียงโห่ฮาถากถางจากกลุ่มผู้ฟังทันที ก่อนที่ทรัมป์จะกล่าวโทษนางคลินตันกับทีมหาเสียงว่าเป็นผู้โหมกระพือข่าวฉาวนี้จนเป็นกระแสไปทั่ว
สื่อสหรัฐฯหลายสำนักระบุให้ตอนที่ทรัมป์ประกาศไม่ยอมรับผลเลือกตั้งเป็นไฮไลต์สำคัญในการดีเบต ขณะที่โพลสำรวจไม่เป็นทางการของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น พบว่าผู้ตอบโพลสำรวจ 52% ให้คลินตันชนะและ 39% ให้ทรัมป์ชนะ.