ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/239134
วันอาทิตย์ ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
เรื่องของอาณาจักรจามปา (พ.ศ.735-2263) ซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณในเวียดนามนั้น ได้เชื่อมสัมพันธ์ทางศิลปกรรมไปสู่ดินแดนอื่นอย่างน่าสนใจ อาทิตย์นี้ได้ตามรอยไปเรียนรู้ศิลปกรรมของจาม ที่เมืองดานัง หลังจากที่ปฐมกษัตริย์ของจามปา คือ จูเหลียน ได้ตั้งราชวงศ์ขึ้นปกครองตั้งแต่ปีค.ศ.915 โดยตั้งราชธานีอยู่ที่เมืองวิชัย หรือบินห์ดินห์ อาณาจักรจามปานี้มีกษัตริย์ปกครองประเทศถึง 12 ราชวงศ์ ด้วยความที่จามเป็นดินแดนที่มีความเจริญมากว่า 1,528 ปีนั้นจึงมีโบราณสถานและศิลปกรรมสำคัญอันสืบเนื่องมาจากจามรับลัทธิพราหมณ์ไศวนิกายมานับถือในช่วงต้นและนำแบบอย่างจากอินเดียมาปกครองแบบเทวราชารับคติการตั้งราชวงศ์โดยสร้างราชธานีเพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครองแม้จะเป็นแบบนครรัฐ ก็ไม่สามารถรวมรัฐต่างๆ ให้มั่นคงอย่างอาณาจักรฟูนันสังคมชาวจามนั้นมีการแบ่งชนชั้นเป็น 3 ชนชั้น คือ ชนชั้นปกครอง ผู้ดี และไพร่ ชอบอยู่รวมตัวกันเป็นกลุ่มสร้างบ้านเรือนด้วยอิฐฉาบปูน ทำอาชีพเกษตรกรรมซึ่งมีการส่งเครื่องราชบรรณาการไปให้จีน เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าและความมั่นคงของอาณาจักร กษัตริย์จามองค์แรกที่ส่งเครื่องบรรณาการไปจีนคือ ฟันยี่ เมื่อพ.ศ.1007 ชาวจามชอบการสู้รบและรู้จักการเล่นดนตรีมีประเพณีการแต่งงานโดยที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายไปสู่ขอผู้ชายและอาจแต่งงานในสกุลเดียวกันได้ เหมือนพิธีสาตรีในอินเดีย คือเมื่อสามีตายลงภรรยาจะโดดเข้าไปในกองไฟเพื่อตายตามสามี พิธีศพนั้นนิยมการเผาแล้วนำกระดูกไปทิ้งทะเล จากความชำนาญทำการเกษตรและการค้าทางทะเลนั้นทำให้อาณาจักรจามมีฐานะค่อนข้างดีจึงสามารถสนับสนุนแสนยานุภาพทางกองทัพและสามารถขยายอาณาเขตแผ่ออกไปยังดินแดนอื่น ซึ่งมีเหตุการณ์สู้รบกันขึ้นกับฟูนัน ต่อมาพระเจ้าอินทรวรมันกษัตริย์จามได้นับถือพุทธศาสนามหายานซึ่งมีการสร้างพระพุทธรูปสำริดที่ดงเดือง และรับวัฒนธรรมอินเดีย จึงมีการสร้างเทวาลัย การสร้างพระพุทธรูป และใช้ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาราชการ นอกจากนี้จามปายังได้รับวัฒนธรรมจีนด้วย ในสมัยพระเจ้าฟันเชียงได้เคยยกกองทัพไปโจมตีจีน ซึ่งจีนต้องใช้เวลาถึง 10 ปี จึงสามารถขับไล่จามปาออกไปได้ จามปาจึงรับวัฒนธรรมจีนเข้ามาด้วยด้วยเหตุที่อาณาจักรจามปาตั้งอยู่ในที่ราบอันอุดมสมบูรณ์และถูกอาณาจักรญวนและเขมรขนาบข้างอยู่ จึงเกิดการชิงดินแดนกันมาตลอดหลายครั้ง ทำให้จามปาตกเป็นเมืองขึ้นของขอมบ้างของญวนบ้าง หลังจากสิ้นพระเจ้าสิงหวรมันที่ 5 แห่งอาณาจักรจามปาก็เกิดสงครามกลางเมือง อันนัมจึงถือโอกาสยกทัพเข้ามาโจมตีจามปาและยึดเมืองวิชัยได้ ถึงแม้นว่าจามปายึดเมืองคืนมาได้แต่ก็เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น อันนัมนั้นสามารถยึดเมืองวิชัยได้อย่างเด็ดขาดในปีพ.ศ.2194 การสู้รบครั้งนี้ทำให้ชาวจามต้องเสียชีวิตไปมากมาย ที่เหลือรอดก็ถูกจับไปเป็นเชลยจามปาตกอยู่ใต้อำนาจของอันนัม (ญวน) นับตั้งแต่นั้นมา โดยชาวจามนั้นได้อพยพไปอยู่ในดินแดนอื่นทั้งในขอมในไทย แต่ยังคงมีราชวงศ์จามปาปกครองต่อมาจนถึง พ.ศ.2263 จามก็ตกอยู่ในฐานะเมืองประเทศราชไม่มีอำนาจในการปกครองตนเองเป็นการจบสิ้นอาณาจักรจามปาลง สำหรับศิลปกรรมของจามนั้นปรากฏว่าได้มีอิทธิพลต่อศิลปกรรมของดินแดนต่างๆ ซึ่งมีรูปแบบที่น่าสนใจมากกล่าวคือ โบราณวัตถุศิลปกรรมจามนั้นแยกได้6 สมัย คือ ศิลปะสมัยก่อนฮัวลาย (Hoalai) ราวพุทธศตวรรษที่ 13,ศิลปะสมัยฮัวลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 14, ศิลปะสมัยดงเดือง(Dong-Duong) หรือเมืองอินทรปุระ ราวพุทธศตวรรษที่ 15,ศิลปะสมัยมีเซิน A-1 (Mi-Son A-1) ราวพุทธศตวรรษที่ 15-16,ศิลปะสมัยบินห์ดินห์(Binh-Dinh) หรือเมืองวิชัยราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 และศิลปะจามสมัยหลังราวพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้น สามารถศึกษาได้จากพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมจามแห่งเดียวในโลกที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนามและแหล่งโบราณคดีจามที่เมืองเว้, ตามกี่, ฟานซาง-ท้าปจ่ามและญาจาง ตลอดจนโบราณสถานบางแห่งที่สร้างขึ้นในสุวรรณภูมิ

ปรัชญาปารมิตา-ศิลปะสมัยดงเดือง-จามสมัยหลังพุทธศตวรรษที่ 19






