ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/239398
วันอังคาร ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
รศ.นพ.ดิลก ภิยโยทัย, ผศ. แพทย์หญิงอิงอร อรุณากูร และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
จากสภาวะเศรษฐกิจและความมั่งคั่ง ทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต การกินดี อยู่ดี รวมถึงพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากอยากมีชีวิตที่ยืนยาว!! อย่ามัวทำงานจนหลงลืมดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะสุขภาพของ “หัวใจ” เพราะโรคหัวใจถือเป็นภัยเงียบที่รุนแรง
รศ.นพ.ดิลก ภิยโยทัย รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเปิดเผยว่า โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญของทั่วโลก รวมทั้งสาธารณสุขของไทย จากข้อมูลสถิติของ AmericanHeart Association (AHA) พบว่ามีผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ถึง 17.3 ล้านคน และคาดว่าในอีก 14 ปีข้างหน้า หรือ ในปีพ.ศ.2573 จะเพิ่มเป็น 23.6 ล้านคน นับว่าเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยและมีอัตราการตายเป็นอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกาและอันดับ 3 ของประเทศไทยเลยทีเดียว

ผศ.แพทย์หญิงอิงอร อรุณากูร
โรคหัวใจ มีสาเหตุเกิดจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ทางกรรมพันธุ์ และปัจจัยที่ควบคุมได้เช่น การดำเนินชีวิต ส่วนหนึ่งของปัจจัยการเกิดโรคมาจากการกินดีอยู่ดี ความสะดวกสบายที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ไม่เหมาะสม ทำให้โรคหัวใจและหลอดเลือดมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงภัยร้าย รวมถึงการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจก่อนที่ภัยเหล่านี้จะมาถึงตัวนั้น โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติซึ่งเป็นโรงพยาบาลตติยภูมิขั้นสูงที่มีศูนย์หัวใจธรรมศาสตร์ ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดครบวงจร จึงได้จัดกิจกรรม“วันหัวใจโลกประจำปี 2559” (World Heart Day) ขึ้น เพื่อแนะเคล็ดลับดีๆ ในการดูแลหัวใจให้แข็งแรง การบริการตรวจสุขภาพหัวใจ รวมถึงการดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ

ผศ.แพทย์หญิงอิงอร อรุณากูร ทีมพัฒนาคุณภาพการบริการผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้แนะเคล็ดลับการดูแลหัวใจ ห่างไกลโรคง่ายๆด้วยตัวเอง เริ่มจากสำรวจตัวเองว่าการดำเนินชีวิตในแต่ละวันนั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคหรือไม่ เช่น การสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการทำลายหลอดเลือดแดงให้เสื่อมเร็วขึ้น การหมั่นตรวจวัดความดันสม่ำเสมอ โดยค่าความดันปกติควรอยู่ที่ระดับ 120/80 แต่หากค่าความดันสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีค่าความดันที่ 140/90 นั่นหมายความว่ากำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันสูง ควรได้รับการรักษาเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียในอนาคต นอกจากนี้ควรควบคุมน้ำหนักอย่าให้อ้วนลงพุง และลดอาหารประเภทไขมันสูง หรือจำกัดปริมาณแคลอรีที่เหมาะสมในแต่ละวัน ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยควรเดินให้ได้ 3.2 กิโลเมตรต่อวัน ที่สำคัญต้องไม่เครียดเพราะความเครียดและซึมเศร้าจะทำให้สุขภาพหัวใจคุณแย่ลงได้ด้วยเช่นกัน ง่ายๆ เพียงเท่านี้ก็เป็นการดูแลหัวใจ ให้แข็งแรงได้ด้วยตนเอง
ท้ายที่สุด ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ย้ำเตือนว่า หากคุณมีภาวะ ใจสั่น ใจเต้น ใจหวิวๆ เหนื่อยง่ายกว่าเดิม หรือหน้ามืด ควรรีบพบแพทย์เพื่อเช็คสุขภาพหัวใจโดยด่วน อย่าปล่อยให้ “หัวใจ” อ่อนแอ ก่อนที่จะสายเกินไป

