อภ.สืบสานพระราชปณิธานด้านสาธารณสุข

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/241425

วันจันทร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

นายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น

องค์การเภสัชกรรม(อภ.) สืบสานพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เดินหน้าสร้างความมั่นคงทางยา และวัคซีน เพื่อการเข้าถึงยาของประชาชนอย่างทั่วถึง

นายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงห่วงใยสุขภาพของประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องยาขาดแคลน ทรงเคยมีพระราชดำริชัดเจนเรื่องของการพัฒนายา และการผลิตวัคซีน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่ง องค์การเภสัชกรรม จะเดินหน้าสานต่อพระราชปณิธานของพระองค์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการทำให้ราคายาถูกลงประชาชนเข้าถึงยาได้มากขึ้น และการพัฒนายาใหม่ๆ ถือเป็นภารกิจหลักขององค์การเภสัชกรรมในขณะนี้

“องค์การเภสัชกรรม ได้รับพระราโชบายใส่เกล้าใส่กระหม่อม เรื่องการผลิตวัคซีน โดยเร่งก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดนก เพื่อให้สามารถผลิต และใช้เองได้ภายในประเทศ โดยเฉพาะเมื่อเกิดกรณีการระบาด รวมถึงผลิตยาที่จำเป็นส่งไปให้กระทรวงสาธารณสุข โดยส่งไปจำหน่ายให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของสังคมมากกว่าผลประโยชน์ทางด้านการเงิน อีกทั้ง ผลิตยาที่ผลิตแล้วยังขาดทุน แต่ก็ยังผลิต และยังจัดจำหน่ายอยู่ มียาหลายตัวที่ไม่มีผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทย หรือเป็นยาที่ใช้น้อย ซึ่งเรียกว่าเป็นยากำพร้า มีราคาแพงไม่มีผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทย โดยร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี สภากาชาดไทย ดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงยามากขึ้น”

เครื่องกลั่นน้ำพระราชทาน

ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมฯ กล่าวอีกว่า ในปีพ.ศ. 2502 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องกลั่นน้ำให้กับโรงงานเภสัชกรรม ซึ่งต่อมา คือองค์การเภสัชกรรมในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตน้ำเกลือฉีด เพื่อมิให้ขาดแคลนในยามที่มีอหิวาตกโรคระบาด ซึ่งในยามนั้นระบาดอย่างรุนแรงทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มาก ซึ่งแสดงถึงความรู้ความเข้าใจอันลึกซึ้งของพระองค์ท่านในเรื่องโรค และข้อจำกัดของประเทศ ทำให้แก้ปัญหาได้ตรงประเด็น

“เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2541 พระองค์ท่านได้พระราชทานคำแนะนำแก่คณะวิจัยของสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม ซึ่งได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯเพื่อถวายรายงานโครงการรักษาผู้ป่วยเอดส์โดยใช้สมุนไพร ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ว่า 1.การวิจัยต้องร่วมมือกันทั้งบุคคล หน่วยงาน และองค์กรต่างๆ งานวิจัยก็จะบังเกิดผลสำเร็จเป็นผลดีแก่ประเทศชาติ 2.ให้ความร่วมมือกับมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในการแก้ไขบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ ครอบครัว รวมทั้งเด็กกำพร้าในแนวทางซึ่งมูลนิธิฯเคยดำเนินการแก้ไขปัญหาโรคเรื้อนมาแล้ว และร่วมกับโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ในการผลิตสารสกัดสมุนไพร และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสมุนไพรที่ใช้ในตำรับ

3.สมุนไพรที่นำมาใช้ในการรักษาโรคเอดส์ ไม่จำเป็นต้องบอกเฉพาะรักษาโรคเอดส์ หากมีสรรพคุณรักษาโรคอื่นได้ก็ดียิ่งขึ้น เพื่อผู้นำไปใช้ได้อย่างกว้างขวา 4.ส่วนผสมของสมุนไพรก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย เพราะหากประชาชนไม่เข้าใจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี 5.สมุนไพรที่นำมาใช้แต่ละอย่างบอกชนิด คุณประโยชน์แบบกว้างๆ ก็จะดี ประชาชนจะได้ช่วยกันรักษาต้นไม้ หรือชนิดของสมุนไพรนั้นๆ ไม่ไปตัดโค่นทำลาย 6.บางหมู่บ้านประชาชนเป็นธาลัสซีเมียกันมากให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาในการศึกษาแก่ประชาชนให้เข้าใจ หรือวิจัยให้เม็ดเลือดแดงมีการทำลายน้อยลง อาจใช้สมุนไพรยับยั้ง(Antioxidant) หรือหายาขับเหล็ก เพื่อให้ชีวิตยาวขึ้น”

นายแพทย์นพพร กล่าวทิ้งท้ายว่า องค์การเภสัชกรรมได้น้อมนำพระราชดำรัสยึดถือปฏิบัติจนถึงทุกวันนี้ อาทิ การร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการวิจัยและพัฒนายาใหม่ๆ การวิจัยและพัฒนายาขับเหล็ก เพื่อผู้ป่วยธาลัสซีเมีย การถวายยาให้แก่กองแพทย์หลวง เพื่อพระองค์ท่านพระราชทานต่อให้หน่วยแพทย์ไปใช้ดูแล พี่น้องประชาชนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2554 เป็นประจำทุกปี ปีละ 250,000 บาท และถวายยาให้แก่มูลนิธิ พอ.สว. ในการที่จะออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ปีละ 350,000 บาท เป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 และยังมีแผนที่จะสนับสนุนโครงการสถานีอนามัยของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อจะดูแลประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารอีกด้วย

Leave a comment