นโยบายต่างประเทศ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 10 พ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/778002

 

…ป่านนี้คงพอเห็นเค้าลาง “ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 45” คือ “ฮิลลารี คลินตัน” ตัวแทนพรรคเดโมแครต หรือ “โดนัลด์ ทรัมป์” ตัวแทนพรรครีพับลิกัน…

โฉมหน้าท่าทีอเมริกาจะอย่างไรต่อไป ผลกระทบมากน้อยจะเกิดแก่โลกด้านใดแค่ไหนต้องติดตาม เพราะการกระดิกตัวของอเมริกาแต่ละครั้งส่งผลกระเพื่อมทั้งโลก โดยเฉพาะ “นโยบายต่างประเทศ” —Foreign Policy

ระหว่างการหาเสียงดุเดือดของ “สาวใหญ่ฝีปากกล้าอดีตสตรีหมายเลข 1” ด้วยคำขวัญ “เข้มแข็งยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน”— Stronger Together กับ “มหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ปากจัด” ภายใต้คำขวัญ “ทำอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง”–Make America Great Again ตลอดช่วงเวลานานนับปี “นโยบายต่างประเทศ” ของฝ่ายสาวใหญ่กับหนุ่มใหญ่ถูกเฝ้าติดตามวิเคราะห์จากทั่วโลก แม้ประเด็นการหาเสียงส่วนใหญ่ของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งนี้เน้นไปทาง “สาดโคลน” ถึงขนาดชาวอเมริกันหลายคนระบุการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ “ตัวเลือกแย่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติสหรัฐอเมริกา”

“นโยบายต่างประเทศเฉพาะด้านความมั่นคง” ของนางฮิลลารีกับนายทรัมป์ ไล่เป็นเรื่องๆจะเห็นมุมมองทั้งแตกต่างและคล้ายคลึง ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย หนักหน่วง แข็งกร้าวหรือผ่อนปรนดูเหมือนต่างกันตามลักษณะตัวตนของทั้งคู่

* ประเด็น “นาโต” องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ สมาชิก 28 ประเทศ “ทรัมป์” วิพากษ์วิจารณ์นโยบายนาโตโบราณคร่ำครึ สมาชิกนาโตอกตัญญู แค่อาศัยผลประโยชน์จากสหรัฐฯ ไม่ค่อยยอมควักจ่ายทุน สหรัฐฯแบกภาระปกป้องชาติยุโรปและเอเชียทั้งหมดไม่ได้อีกต่อไป ถ้าประเทศเหล่านั้นไม่ช่วยเหลือตัวเองบ้าง ทั้งขู่ถอนทหารสหรัฐฯในต่างแดนกลับประเทศถ้าได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี

ส่วน “ฮิลลารี” ยังยึดมั่นสถานะสมาชิกและพันธมิตรนาโตอย่างเหนียวแน่นเช่นเดียวกับรัฐบาลบารัค โอบามา ระบุการลงทุนกับนาโตคือสิ่งยอดเยี่ยมที่สุดประการหนึ่งเท่าที่อเมริกาเคยดำเนินการ ทั้งเตือนถึงแนวนโยบายของนายทรัมป์ไม่ยืดหยุ่น ยิ่งจะทำให้รัสเซียกล้ากร้าวมากขึ้น

* ประเด็นรัสเซีย

“ฮิลลารี” ต้องการ “รีเซต” ยกเครื่องปรับความร่วมมือกับรัสเซีย แต่ไม่วายต้องแข็งกร้าวมากขึ้นต่อท่าทีของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ต้องจำกัดการรุกรานครอบงำของรัสเซียต่อยูเครนและซีเรีย โดยอาศัยพลังร่วมจากชาติพันธมิตรนาโต

ต่างจากท่าทีของ “ทรัมป์” เชื่อมั่นว่าจะลดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียได้ไม่ยาก เพราะทำธุรกิจกับรัสเซียมานาน มีที่ปรึกษาเกี่ยวข้องกับรัสเซียก็หลายคน ทั้งชื่นชมยกย่องผู้นำรัสเซียคือผู้นำยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลกและมีความสัมพันธ์อันดีส่วนตัวต่อกัน เชื่อว่าผู้นำรัสเซียเคารพตนมากกว่านางฮิลลารีและนายโอบามา

* ประเด็นกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส)

ทั้งสองคนให้ความสำคัญปัญหานี้มากพอๆกัน คือมุ่งกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามอย่างแข็งกร้าวด้วยความร่วมมือจากชาติตะวันตก ชาติอาหรับ รวมถึงรัสเซีย ทั้งยืนกรานไม่ส่งทหารสหรัฐฯไปร่วมรบในอิรักกับซีเรีย ความแตกต่างของแนวทางแก้ปัญหาคือ นางฮิลลารีมุ่งประเด็นการเมืองต้องการโค่นอำนาจประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาดแห่งซีเรียลงให้ได้แม้ต้องเสี่ยงเผชิญหน้าทางทหารกับรัสเซียที่หนุนรัฐบาลอัสซาด

ขณะที่ “ทรัมป์” มุ่งถล่มกองกำลังไอเอสและต้องการยึดคืนบ่อน้ำมันจากกลุ่มไอเอส เช่นเดียวกับ “ประเด็นนิวเคลียร์อิหร่าน” ทั้งสองคนพร้อมใช้กำลังทหารกับอิหร่านถ้าอิหร่านพยายามครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่แตกต่างกันเรื่องรายละเอียดของเส้นทางไปสู่จุดนั้น


http://www.thairath.co.th/clip/84227

*ประเด็นจีน

ไม่ว่าใครได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ก็ต้องแบกรับภาระสำคัญเรื่องความสัมพันธ์กับจีนในฐานะชาติมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างประเทศ

นโยบาย “ฮิลลารี” ยังไม่ชัดเจนถึงสถานะสหรัฐฯกับจีนจะหนักไปทางมิตรหรือคู่แข่ง แต่ยังจำเป็นต้องคงยุทธศาสตร์นโยบาย “ปักหมุดเอเชีย” เอาไว้อย่างเหนียวแน่น เพื่อคานอำนาจอิทธิพลจีน

ส่วน “ทรัมป์” ดูเหมือนกร้าวแกร่งพร้อมเผชิญหน้ากับจีนมากกว่า “ฮิลลารี” แต่ยังไม่เปิดแผนยุทธศาสตร์ดำเนินการไปทางไหนดี แต่ชี้กวาดถึงปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือต้องให้จีนยื่นมือช่วยคลี่คลายปัญหาให้มากกว่านี้ หาไม่แล้วชาติภูมิภาคเอเชียตะวันออกอื่นๆก็จำเป็นต้องมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ป้องกันตนเอง…

ทีมข่าวต่างประเทศ

 

Leave a comment