ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/245502
วันอาทิตย์ ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ว่า ที่บริเวณแปลงนาของราษฎรหมู่ที่ 1 บ้านโพนงาม ต.โพนงาม อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม นายเสน่ห์ นนทะโชติ ผวจ.มหาสารคาม นำมวลชนทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน อสม. และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเหลือเกษตรกรเกี่ยวข้าวเพื่อเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตในพื้นที่นาข้าว 7 แปลง เนื้อที่จำนวน 31 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นพื้นที่ต้นๆ ที่จะได้รับผลกระทบหากเกิดน้ำล้นตลิ่งในลำน้ำชี หลังจากเขื่อนอุบลรัตน์เพิ่มการระบายน้ำจากเดิม 15 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล.ลบ.ม.) เป็น 21 ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา
ผวจ.มหาสารคาม กล่าวว่า เนื่องจากเขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้ำเกินความจุที่กักเก็บได้ จึงกำหนดเพิ่มการระบายน้ำจนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ คาดว่าจะส่งผลให้พื้นที่ อ.โกสุมพิสัย ประกอบด้วย ต.หนองบอน ต.ยางท่าแจ้ง ต.หัวขวาง ต.แห่ใต้ ต.เลิงใต้ ต.โพนงาม ต.หนองบัว และ ต.แก้งแก รวม 74 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ปลูกข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิต ประมาณ 50,481 ไร่ จากพื้นที่ปลูกข้าวทั้งอำเภอ 275,247 ไร่
สำหรับพื้นที่อื่นๆ ซึ่งคาดว่าอาจได้รับผลกระทบ ได้แก่ อ.เมืองมหาสารคาม ที่ ต.ท่าสองคอน ต.เกิ้ง ต.ลาดพัฒนา ต.ท่าตูม และ ต.ห้วยแอ่ง อ.เชียงยืน ที่ ต.เหล่าบัวบาน และ อ.กันทรวิชัย ที่ ต.เขวาใหญ่ ต.ขามเรียง ต.ท่าขอนยาง ต.ขามเฒ่าพัฒนา ต.มะค่า และ ต.กุดไส้จ่อ อย่างไรก็ตาม ต.โพนงาม ใน อ.โกสุมพิสัย ถือเป็นจุดเสี่ยงสูงสุด เพราะมีพนังกั้นน้ำต่ำและเป็นพื้นที่แอ่งกระทะ หากน้ำชีล้นตลิ่งจะทำให้พื้นที่ปลูกข้าวได้รับความเสียหายทั้ง 12 หมู่บ้าน พื้นที่ประมาณ 18,070 ไร่ โดยหลังจากนี้จะหมุนเวียนกันไปลงแขกช่วยชาวนาเกี่ยวข้าวให้ได้มากที่สุด
ในวันเดียวกัน นายเสน่ห์ ยังไปเป็นประธานเปิดงาน “ตลาดข้าวประชารัฐ” พร้อมทั้งจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างเรือนจำจังหวัดมหาสารคามกับกลุ่มเกษตรกร เพื่อรับซื้อข้าวสารจากกลุ่มเกษตรกรโดยตรง ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม ซึ่ง ผวจ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดมหาสารคาม พื้นที่ปลูกข้าว 2,113,327 ไร่ ผลผลิต 816,000 ต้น เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 96,419 ครัวเรือน เมื่อเกิดปัญหาราคาข้าวตกต่ำ จึงได้กำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
ภายในงาน “ตลาดข้าวประชารัฐ” ประกอบด้วย 5 กิจกรรม ได้แก่ นิทรรศการข้าวของพ่อ ตลาดข้าวคนสารคามกินข้าวสารคาม ตลาดข้าวประชารัฐ ตลาดของดี มีคุณภาพและตลาดข้าวสุก มีผู้เข้าร่วมงานจากภาคส่วนต่างๆ ประกอบด้วย ภาคราชการ เอกชน โรงสี กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรชาวนาในจังหวัด โดยสามารถเลือกซื้อข้าวสารราคาถูกจากชาวนาและกลุ่มเกษตรกรโดยตรง พร้อมทั้งซื้อ และรับประทานอาหารที่ทำมาจากข้าว เช่น ไอศกรีมข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวเหนียวดำสังขยา การสาธิตการหุงข้าวหอมมะลิตักสิลาพร้อมให้ชิมฟรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในประเด็นที่ตำรวจทหาร ฝ่ายปกครองลงช่วยชาวนาเกี่ยวข้าวนี้ ปรากฎว่าถูกใจชาวนาเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ต้องไปจ้างรถเกี่ยวข้าวถือเป็นการลดต้นทุนการผลิตไปในตัว
ด้าน จ.กาฬสินธุ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ราคาข้าวยังอยู่ในช่วงตกต่ำ แต่ชาวนาจำนวนมากยังเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยหันมาฟื้นภูมิปัญญาการเก็บเกี่ยวผลผลิตแบบดั้งเดิมแทนการจ้างเครื่องจักรที่มีราคาสูงและต้องรอคิวนาน จึงได้มีการรวมตัวกันของชาวนาแลกเปลี่ยนแรงงานมัดและเก็บฟ่อนข้าว เพื่อตัดภาระค่าจ้างแรงงาน โดยข้าวที่จะมัดเป็นฟ่อนจะตากไว้ในนาข้าวเป็นเวลา 2-3 วันจึงเริ่มดำเนินการ
นายพิชัย ภูบุตรตะ อายุ 50 ปี ชาวนาบ้านตูม หมู่ 19 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า อาชีพทำนาในทุกวันนี้นิยมจ้างแรงงาน และใช้เครื่องจักรกลทุกขั้นตอน รวมทั้งต้องซื้อปุ๋ยเคมีเพื่อเร่งการเจริญเติบโต หรือแม้แต่ตอกที่ใช้มัดฟ่อนข้าวก็ยังต้องซื้อ ทำให้ต้นทุนการทำนาสูงขึ้น ผลสุดท้ายขาดทุน เพราะผลผลิตตกต่ำ นำข้าวไปขายได้ราคาต่ำ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ชาวนาต่างประสบปัญหาเดียวกันคือขายข้าวราคาตก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ตนมีที่นา 10 ไร่ ถึงวันนี้รวมเงินลงทุนไปแล้วกว่า 2 หมื่นบาท ทำให้ต้องคิดหาวิธีการประหยัดทุน
โดยชักชวนเพื่อนชาวนาที่เก็บเกี่ยวในช่วงเดียวกันมาช่วยแรงงาน ทั้งจ้างวาน และแลกเปลี่ยนแรงงานกันตามความเหมาะสม ด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน ซึ่งข้าวที่ร่วมแรงกันมัดเป็นฟ่อนนี้ คือส่วนของฟางและรวงข้าวที่ได้จากใช้แรงงานคนเกี่ยว ผึ่งแดดให้แห้ง 3 แดดแล้วใช้ตอกมัดเป็นฟ่อน ในกลุ่มจะช่วยเจ้าหนึ่งเสร็จก็วนไปช่วยอีกเจ้าหนึ่ง ก่อนขนไปรวมกันเป็นกองที่ลาน เพื่อเตรียมสีเป็นข้าวเปลือก บรรจุใส่ถุงนำไปเก็บไว้ในยุ้งฉาง แบ่งข้าวเปลือกเป็น 2 ส่วน ทั้งแบ่งขายส่วนหนึ่งเก็บไว้กินเองอีกส่วนหนึ่ง
