รายงานพิเศษ : ประกวดภาพถ่าย‘รำลึก 55 ปีฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค’ สืบสานอาชีพพระราชทาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/245190

วันศุกร์ ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

การเลี้ยงโคนม 1 ในอาชีพพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระองค์ท่านพระราชทานให้กับเกษตรกรไทยได้มีอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว ตลอดจนเพื่อให้คนไทยได้มีน้ำนมโคที่มีคุณภาพได้ดื่มเพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีแก่พสกนิกรของพระองค์

ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงวางรากฐานและพระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมให้กับเกษตรกรไทย เพื่อให้เกษตรกรและพสกนิกรชาวไทย ได้มีความรู้ความสามารถมีอาชีพที่สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัว ซึ่งพระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกาย เพื่อส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมให้คงอยู่คู่เกษตรกรไทยเสมอมา โดยจะเห็นได้จากพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ที่พระองค์ทรงมุ่งมั่นจะส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรให้มีรายได้ มีความมั่นคงและยั่งยืน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินีแห่งประเทศเดนมาร์ก ได้เสด็จพระราชดำเนิน ประกอบพิธีเปิดฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย-เดนมาร์ค เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505 ซึ่งต่อมารัฐบาลได้จัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้ชื่อ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค.

นับตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ได้เติบโตเป็นองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 55 ที่ได้กระทำหน้าที่ในการถวายความจงรักภักดีและรักษาสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9ได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย อ.ส.ค.จึงได้จัดกิจกรรมประกวดภาพถ่าย ตามรอยพ่อแห่งแผ่นดิน ศึกษาอาชีพการเลี้ยงโคนม ภายใต้หัวข้อ “55 ปี อ.ส.ค. รำลึกความงามฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค” เพื่อเผยแพร่เรื่องราวและประวัติอาชีพพระราชทานผ่านทางภาพถ่าย ซึ่งจะนำภาพถ่ายเหล่านี้มาทำเป็นปฏิทิน อ.ส.ค.ประจำปี 2560 ด้วย

ทั้งนี้ นักเรียน นักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมประกวดภาพถ่ายจะได้เข้ากิจกรรม workshop รับการถ่ายทอดเทคนิค ความรู้จากวิทยากรที่เป็นช่างภาพแนวหน้ามากประสบการณ์และมีชื่อเสียงของประเทศไทย ได้แก่ ช่างภาพที่ฉีกทุกกฎของการถ่ายภาพอย่างคุณจอร์จ-ธาดา วาริช, ช่างภาพอาวุโสผู้ทรงคุณวุฒิทางการถ่ายภาพไทย และผู้ที่เคยถวายงานด้านการถ่ายภาพให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อาจารย์สงคราม โพธิ์วิไล และช่างภาพรุ่นใหม่ไฟแรงมากประสบการณ์ คุณต้อง-วราพงศ์ น้อยทับทิม

ด้าน อาจารย์สงคราม โพธิ์วิไล ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ครั้งที่ถวายงานด้านการถ่ายภาพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า จากที่ได้ถวายงานพระองค์ท่านทรงมีพระอัจฉริยภาพในการถ่ายภาพมาก มีความเชี่ยวชาญในการใช้กล้องและพร้อมที่จะถ่ายภาพตลอดเวลา เรียกว่าครั้งใดที่ยกกล้องขึ้นมาแล้วถ่ายภาพได้ทันที เราเรียกว่า“เลี้ยงกล้องเชื่อง” นั่นก็คือพระปรีชาสามารถในการถ่ายภาพแบบอัตโมมัติ คือพร้อมถ่ายภาพทุกเมื่อและมีองค์ประกอบที่เหมาะสมในการถ่ายภาพต่างๆพระองค์ท่านจะรู้รายละเอียดในแต่ละครั้งที่จะมีการถ่ายภาพ และทรงล้างฟิล์มด้วยพระองค์เอง นอกจากประทับใจในฝีพระหัตถ์การถ่ายภาพของพระองค์อย่างมากแล้ว สิ่งที่ตนมีความปลาบปลื้มไม่รู้ลืมคือพระองค์ท่านได้ตรัสกับตนว่า “พวกเราให้ถ่ายภาพให้ดีๆ เพราะทำฟิล์มมาน้อย” ซึ่งตนได้ทูลถามว่าทำไมพระองค์ตรัสคำว่าพวกเรา พระองท่านตรัสกลับมาว่า “เราคนถ่ายภาพเราพวกเดียวกัน”

ส่วนโครงการประกวดภาพถ่าย 55 ปีอ.ส.ค.ในฐานะที่อาจารย์สงคราม เป็นทั้งวิทยากรในกิจกรรม workshop และผู้ตัดสินการประกวด ได้ให้แง่คิดไว้ว่า การถ่ายภาพรำลึกความงามในฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ถือเป็นการบันทึกเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นความจริงในวันนี้ เมื่อถึงเวลาอีก 30-50 ปีข้างหน้าภาพที่พวกเขาได้บันทึกไว้ก็จะเป็นวิชาแห่งแผ่นดิน เพราะการกดชัตเตอร์กล้องแต่ละครั้งเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ ซึ่งภาพถ่ายที่ดีจะต้องประกอบไปด้วย “สวยด้วยแสง แรงด้วยสี ดีด้วยเรื่อง เฟื่องด้วยปัญญา แสวงหาและรอคอย”

สำหรับรางวัลภาพถ่ายมีเพียง 7 ภาพเท่านั้นที่ผ่านการคัดเลือก ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 50,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 25,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 15,000 บาท รางวัลชมเชย 3 รางวัลรางวัลละ 5,000 บาท และรางวัล Popular Vote คือผลงานที่ได้ยอด Like สูงสุดจากแฟนเพจเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com /55yearssince1962 “โครงการประกวดภาพถ่ายหัวข้อ 55 ปี อ.ส.ค.” เงินรางวัล 5,000 บาทซึ่งจะประกาศผลที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 นี้

 

Leave a comment