ส่องเกษตร : หมดเวลา‘ดรามา-ข้าว’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/244839

วันพุธ ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

449007

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คนที่หนึ่ง ได้ออกมาท้วงติงบรรดานักการเมืองเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขอให้ “ลด-ละ-เลิก”การดึงปัญหาราคาข้าวตกต่ำมาตอบโต้กันทางการเมือง ก่อให้เกิดความแตกแยก ขัดแย้งกัน ในช่วงเวลาแห่งการถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เวลานี้

สาเหตุที่นายอลงกรณ์พูดถึงเรื่องนี้ก็อย่างที่เห็นกันอยู่ว่า นักการเมืองพรรคเพื่อไทย นำโดยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ชินวัตร ได้ออกมาเคลื่อนไหวดิสเครดิตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเกี่ยวกับปัญหาข้าวโดยเฉพาะ “หอมมะลิ”ที่ราคาตกต่ำอย่างหนัก รวมถึงพยายามชี้นำว่าแนวทางการช่วยเหลือชาวนาของรัฐบาล คสช.ก็ไม่แตกต่างจากโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ผ่านมา ทำให้นักการเมืองคู่อริจากพรรคประชาธิปัตย์วิพากษ์ว่า ที่พรรคเพื่อไทยเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่ได้ทำเพื่อชาวนา แต่หวังผลประโยชน์ทางการเมืองที่จะช่วยอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ให้รอดพ้นความผิดหลายคดีโครงการจำนำข้าว ที่เป็นจำเลยอยู่ ทั้งยังโจมตีด้วยว่าที่ราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์ในเวลานี้ ก็เป็นผลพวงจากพิษของโครงการจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์เอง ที่ทำให้ประเทศไทยมีข้าวล้นสต๊อกมโหฬาร บวกผลผลิตข้าวปีนี้ที่ออกมามาก ยิ่งซ้ำเติมราคาให้ตกต่ำไปกันใหญ่

จากนั้นทั้ง 2 พรรคคู่อริ เลยเปิดสงครามน้ำลายตอบโต้กันเรื่องนี้ ทั้งที่อยู่ในช่วงเวลาที่คนทั้งประเทศกำลังทุกข์โศกกับการเสด็จสวรรคตขององค์พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9จึงเป็นที่อิดหนาระอาใจของชาวบ้าน ดังนั้นที่นายอลงกรณ์ออกโรง จึงถือได้ว่า เป็นการพูดแทนใจประชาชน

ทั้งนี้นายอลงกรณ์ให้สัมภาษณ์ว่าไม่สบายใจที่นักการเมืองและพรรคการเมืองหยิบกรณีปัญหาราคาข้าวมาตอบโต้กันทางการเมืองอยากขอร้องให้สำรวมกิริยาด้วยการ“ลด-ละ-เลิก”กิจกรรมทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความแตกแยกขัดแย้งกันในช่วงการไว้อาลัย

“ความจริงแต่ละคนก็เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และ สส.ผู้ทรงเกียรติควรรู้ถึงความเหมาะสมและกาลเทศะไม่ควรต้องให้ใครมาติติงนอกจากนี้บางเรื่องก็ทำแบบ“ปิดทองหลังพระ”บ้างก็ได้ เช่นการช่วยชาวนา ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนต่างดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือแบบปิดทองหลังพระ เพราะรักและห่วงใยชาวนา ทำโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ จึงไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศออกหน้าออกตา ทำแบบจิตอาสาที่ชาวบ้านเขาทำกัน ไม่ต้องชิงดีชิงเด่นชิงดังและไม่มีต้องกล่าวโจมตีกันและกัน จนกลายเป็นวิวาทะทางการเมืองขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ และโซเชียลมีเดียทุกวันๆ เช่นที่ผ่านมา”

ครับ ยกคำพูดรองประธาน สปท.ผู้นี้มาใส่ให้อ่านกันเต็มประโยค แต่ก็ไม่คิดหรอกว่า บรรดานักการเมืองที่มี“สันดาน”เดิมๆ จะยอมรับฟังกัน

อย่างไรก็ตาม ผมมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ที่ชาวบ้านอิดหนาระอาใจนักการเมืองที่ตอบโต้กันเรื่อง“ข้าว”นั้น มิใช่ว่า เขาไม่ใส่ใจหรือไม่อยากรับรู้ต่อความเดือดร้อนของชาวนา แต่เพราะเขาเบื่อวิวาทะนักการเมืองที่เอาปัญหาชาวนามาเป็นเครื่องมือ เพื่อประโยชน์ตัวเองเป็นสำคัญต่างหาก…

การที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ออกมาขายข้าว แล้วพูดว่าต้องการช่วยชาวนา เห็นใจชาวนาที่เดือดร้อน มันก็แค่“ดรามา”เร้าอารมณ์สังคม ซึ่งตอนแรกๆก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะถึงแม้จะแค่“สร้างภาพ” ไม่ได้แก้ปัญหาให้ชาวนาได้จริงๆ แต่ถือเสียว่า เป็นการกระตุ้น ทำให้รัฐบาลและทุกภาคส่วนสนใจที่จะต้องเร่งมือแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างจริงจัง…ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว

การ“ดรามา”บ้างจึงมีประโยชน์ตรงนี้แต่ไม่ใช่จะ“ดรามา”ไม่รู้จบ แล้วเอาแต่พูดดิสเครดิตหรือพูดแก้ต่างให้ตัวเองที่ถูกกล่าวหาคดีจำนำข้าว ถ้าจะพิสูจน์ว่า จริงใจ อยากช่วยชาวนา ก็ควรใช้กลไกของพรรคที่มีคนมีฝืมืออยู่เยอะ มีปัญญาจ้างนักวิชาการนักคิดเก่งๆให้ช่วยกันระดมแนวทางที่ยั่งยืนในการช่วยแก้ปัญหาข้าวจริงๆ ไม่ใช่ทำแบบ“ประชานิยมผลาญชาติ”อย่างที่แล้วมา จากนั้นก็นำความคิดเหล่านี้มาถ่ายทอดหรือกำหนดเป็นนโยบายพรรคไว้ใช้หาเสียงเลือกตั้งต่อไปก็ได้

เช่นเดียวกับประชาธิปัตย์ ที่ควรเอาเวลาไปคิดค้นแนวทางช่วยชาวนาแบบยั่งยืนให้มากไว้ ดีกว่ามาเสียเวลาตอกย้ำเรื่องความผิดโครงการจำนำข้าว ซึ่งตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็ตระหนักกันดีแล้ว การตอกย้ำมากไปจากฝ่ายที่เป็นอริการเมืองกัน มันก็ไม่ต่างกับ“ดรามา”ที่ทำให้คนเบื่อเช่นกัน

หมดเวลา“ดรามา”กันแล้ว หากยังขืนเอาแต่เรื่องเร้าอารมณ์ไม่จบสิ้น ผู้คนก็จะเห็นธาตุแท้ว่า ที่ดรามาไป ก็เพื่อผลประโยชน์การเมืองของตัวเอง ไม่ใช่ทำเพื่อชาวนาอย่างที่อวดอ้างเลย

สาโรช บุญแสง

Leave a comment