ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/entertain/243198
วันเสาร์ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
แม้การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วก็ตาม แต่เชื่อว่าคนทั้งประเทศไม่คลายความเศร้า แม้แต่คนในวงการบันเทิงเอง ที่ต่างก็ลุกขึ้นมารวมใจกันทำให้สิ่งที่ตนเองถนัด ไม่ว่าจะเป็นการรวมพลังกันร้องเพลง การเป็นจิตอาสาช่วยเหลือประชาชน และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมยึดหลัก “คำพ่อสอน” มาปฏิบัติตาม อาทิ “อาต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา”ที่บอกว่าปฏิบัติตามคำพ่อสอนมาโดยตลอดเช่นกัน
“ผมทำมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ไปเป็นเกษตรกรแล้วตอนนี้ สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่บอกว่าไม่ทันเห็นพระองค์ท่านทรงงาน จริงๆ แล้วเดี๋ยวนี้สื่อค่อนข้างจะกว้างขวาง จะรู้ว่าพระองค์ท่านทรงงานยังไง ก็อยากจะบอกว่าพระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ จริงๆ ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ พระองค์ท่านอยู่บนเศวตฉัตรและก็ดูแลปกครองบ้านเมือง แต่ว่าพระองค์ท่านลงมาทำซะทุกอย่าง ทุกอย่างในสวนจิตรลดาซึ่งเป็นพระราชวังที่พระองค์ท่านประทับอยู่ ก็เป็นสวนเกษตรไปแล้ว มีทั้งบ่อปลา มีทั้งโรงสีข้าว มีทั้งนมวัว มีสารพัดเลย พระองค์ทรงทำเพื่อที่จะวิจัยให้เกิดความก้าวหน้า แล้วก็ส่งไปให้พสกนิกรของพระองค์ท่าน
ผมว่าพระองค์ท่านเป็นในหลวงที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก แล้วทั้งโลกก็ยอมรับ ทุกคนก็ยกย่องให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศของเรา เป็นกษัตริย์องค์ที่ 1 ของโลก อยากจะบอกคนไทยทุกคนว่าสิ่งที่พระองค์ท่านปรารถนาที่สุด ประสงค์ที่สุดน่าจะเป็นคนไทยที่ต้องรักกัน เหมือนอย่างเพลงที่เราร้องวันนี้ ถ้าคนไทยเรารักกัน สามัคคีกัน ประเทศไทยจะได้เดินต่อไปได้ ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าเรายังทะเลาะกันอยู่ แบ่งสีแบ่งสันกันอยู่ ประเทศเราจะแย่ คือตอนนั้นที่ยังไม่มีเรื่องอะไรรุนแรง ผมเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของพระองค์ท่านคลุมอยู่ แต่ตอนนี้พระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว บารมีของพระองค์ท่านก็น่าจะต้องยังอยู่ ต้องอยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคน แล้วเราต้องรักกัน เลิกซะทีนะครับเลิกการทะเลาะเบาะแว้ง ต้องรักกันเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน”

ด้าน “นุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์” เผยว่า “นุ้ยมาที่สนามหลวงวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว หลังจากที่เคลียร์ครอบครัวเรียบร้อย ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ได้มา เมื่อวานนุ้ยได้มาแปรอักษรที่ธรรมศาสตร์ รู้สึกภูมิใจ แต่วันนี้รู้สึกอิ่มใจ เพราะว่านุ้ยได้มาเป็นจิตอาสากับกรมการแพทย์ แพทย์อาสานะคะก็มาดูแลประชาชนที่ยืนต่อแถว บางคนมาตั้งแต่เมื่อวานบ่ายสอง ยังไม่ได้นอนเลย บางคนก็บอกมาตั้งแต่ตีสี่ สำหรับนุ้ยก็เป็นหน่วยประชาสัมพันธ์ คือเรียกว่าใครป่วย อย่าฝืนให้เข้ามาวัดความดันได้ แล้วนุ้ยก็มาแจกพิมเสนด้วย
เผอิญเมื่อวานเอาจากประสบการณ์ตัวเอง ระหว่างยืนรอแปรอักษรอยู่จะล้ม ก็รู้สึกว่าเออถ้าได้ลูกอมสักเม็ดก็น่าจะดี วันนี้ก็เลยซื้อลูกอมมา ก็เอามาแจกให้กับประชาชนด้วย วันนี้ก็อิ่มใจมากๆ เลยค่ะ แล้วพี่น้องทุกคนก็น่ารักมาก คือวันนี้นุ้ยยืนอยู่นี่มีทุกภาคทั่วประเทศจริงๆ บางท่านมาคนเดียว บางท่านมาตั้งแต่วันที่ 20 แล้ว เพื่อที่จะรอวันนี้ที่จะได้เข้าไปถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ บางคนมาไกลจากพังงา จากใต้ จากเหนือ อีสาน แล้วทุกคนก็พูดคุยกัน น่ารัก แล้วก็ได้รับพรเยอะแยะเลย เราก็ดีใจค่ะ หลังจากนี้นุ้ยก็จะมาที่นี่เรื่อยๆ อย่างที่บอกว่านุ้ยดูแล “ณดา” (ลูกสาว) ลงตัว แต่ก็ไม่ได้มาทั้งวัน มาเป็นช่วงเวลาพอเรามาเป็นจิตอาสาเสร็จปุ๊บก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของเรา หน้าที่ของคุณแม่ดูแลลูก แต่นุ้ยก็จะมาเรื่อยๆ
นุ้ยได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ศิลปินแห่งชาติและบุคคลที่ได้มีโอกาสถวายงานกับในหลวง แล้วรู้สึกว่ายิ่งฟังยิ่งไปสัมภาษณ์ยิ่งรู้เรื่องราวของพระองค์ท่านในแง่มุมต่างๆ ที่เราไม่เคยรู้ ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกซึ้งไปในใจไม่ว่านุ้ยจะไปสัมภาษณ์แม่ผ่องศรี, อ.ปรีชา เถาทอง, ผู้พันเบิร์ด ทุกท่านพูดในแง่มุมที่ต่างกัน แต่รวมความรู้สึก รวมพระปณิธานของพระองค์แล้ว อยากจะช่วยเหลือประชาชน ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าทุกวินาทีของพระองค์คิดถึงแต่ประชาชน คิดถึงแต่อยากจะช่วยพสกนิกรของพระองค์ท่าน นุ้ยเองก็ยิ่งภูมิใจไปใหญ่ แล้วก็ยิ่งอยากที่จะบอกต่อความรู้สึกนี้ไปให้กับคนอื่นๆ รุ่นลูกรุ่นหลานค่ะ”

“มิน-พีชญา วัฒนามนตรี” บอกว่า “จริงๆ วันนี้ก็มาร่วมต่อแถว คิดว่าแถวคงยาวมาก แต่เราจะมาเมื่อไหร่ก็ได้เพราะเราอยู่ในกรุงเทพฯ ก็เลยอยากสละให้กับคนต่างจังหวัดได้เข้าไปก่อน แต่เราก็มาถึงแล้ว เราก็ร่วมกันทำความดีช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยของเรา เราก็แจกพัด เดินแจกน้ำ แจกโบให้กำลังใจ ถ่ายรูป เห็นคนไทยมีน้ำใจให้กันแล้วก็รู้สึกว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ดีมากเลยค่ะ สิ่งที่พระองค์ท่านหลงเหลือให้กับเราก็คงเป็นความดี แล้วก็ความรักที่ทำให้พี่น้องเรารักกันโดยไม่มีเงื่อนไข อยากที่จะลุกมาทำสิ่งดีๆ ให้กันและกัน วันนี้ก็เห็นได้ชัดว่าคนไทยทุกคนทำด้วยใจจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นอาสา น้องๆ ลูกเสือ-เนตรนารีเข็นรถเข็นกัน หรือว่าพวกเราทุกคนก็มาโดยที่อยากจะทำความดีเพื่อพ่อ
ส่วนเรื่องที่ว่ามินยึดหลักคำพ่อสอนอะไรมาใช้ในชีวิตประจำวันบ้าง สำหรับมินก็เป็นเรื่องการทำงาน เพราะจริงๆ แล้วเราก็อยู่ในวงการ เราก็อยากจะเป็นต้นแบบ พระองค์ท่านเป็นต้นแบบที่ดีในเรื่องของการทรงงาน แล้วก็การเสียสละ การรับผิดชอบในหน้าที่ต่างๆ อย่างมินเองวันที่ทราบข่าวจริงๆ ก็ยังทำงานอยู่ที่ประเทศจีน แล้ววันที่ทราบก็เหมือนไม่อยากทำงาน แต่เราก็คิดว่าพระองค์ท่านยังอยู่กับเรา พระองค์ท่านจะอยากให้เราทำอะไร เราก็ยังทำงานต่อไป
ตั้งแต่เกิดเลยภาพที่จำได้คือภาพที่เหงื่อไหลลงมาตรงปลายจมูกของพระองค์ท่าน เวลาเราดูรูปเฉยๆ ตอนเด็กเราไม่เข้าใจหรอกค่ะ แต่เวลาเราทำงานแล้วเราเดินทางบ่อยๆ เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยล้า หรือเรารู้สึกว่าเราอยากพร่ำบ่น แต่เวลาที่เราได้เห็นรูปของพระองค์ท่าน หรือว่ามีการระลึกถึงขึ้นมาเราก็จะรู้สึกว่าเราแค่จุดเล็กๆ จุดหนึ่งในประเทศไทย
มินก็จะมีโอกาสได้ร่วมร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระองค์ท่าน ของสถานีของเรา ช่อง 7 แล้วก็จะมีหลายอย่างค่ะที่เราได้ร่วมทำในโครงการของพระองค์ท่าน อย่างล่าสุดก่อนที่จะมีการเสด็จสวรรคตเราก็มีโปรเจกท์ที่ทำเพื่อพ่อกับแม่ของเราอยู่แล้วค่ะ เป็นของช่อง 7 ซึ่งตอนนี้ก็ยังต้องถ่ายทำต่อไป ตอนที่รู้ว่าได้ทำตอนแรกก็ดีใจ ต้องบอกว่าเป็นเกียรติมาก ยิ่งพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราก็รู้สึกว่าเป็นเกียรติมากที่จะได้ทำอะไรเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้มินว่าคนไทยจะได้ตระหนักถึงความรักที่เราแบ่งปันให้กันด้วยหัวใจ แล้วก็ความรับผิดชอบที่เราจะต้องทำให้หน้าที่ของแต่ละคน ใครมีอาชีพอะไรก็ทำให้เต็มที่”
