ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/entertain/248596
วันพุธ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
มิค แจคเกอร์ กับลูกคนที่ 8 เมื่อวัย 73 ปี
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีข่าวว่า เมลานี แฮมริค แฟนสาววัย 29 ปี ของแจคเกอร์กำลังตั้งท้องลูกคนที่ 8 ของร็อกเกอร์รุ่นเดอะ ซึ่งข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก
ตัวแทนของแจคเกอร์ได้ออกแถลงการณ์ว่า “มิคอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยเมื่อตอนที่ทารกคลอดออกมา ทั้งแม่และเด็กแข็งแรงดี และเราก็อยากจะขอให้สื่อมวลชนช่วยเคารพความเป็นส่วนตัวของพวกเขาในขณะนี้ด้วย”
ลูกๆ ของแจคเกอร์ทั้ง 7 คนก่อนหน้านี้มีอายุเรียงกันไปตั้งแต่ 45-17 ปีเลยทีเดียว ทำเอาหลายคนกล่าวอย่างติดตลกว่า ร็อกเกอร์รุ่นเดอะคนนี้ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกในวัยที่คนอื่นต้องใส่ผ้าอ้อมให้ตัวเองเสียแล้ว
แม้จะมีลูกเยอะขนาดนี้ และผ่านความสัมพันธ์กับผู้หญิงมาแล้วถึง 5 คน แต่แจคเกอร์เคยแต่งงานมาแล้วแค่ครั้งเดียวกับ บริอังกา แจคเกอร์ ซึ่งเป็นแม่ของ เจด ลูกสาวคนหนึ่งของเขา
สำหรับข่าวดีที่เกิดขึ้นนี้ ทั้งแจคเกอร์และลูกๆ คนอื่นๆ ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมแต่อย่างใด ตรงข้ามกับสาธารณชนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่ติดตลกอย่างคับคั่ง อาทิ “ความจริงประจำวัน : มิค แจคเกอร์ ตอนนี้มีลูกที่อายุน้อยกว่าเหลนของตัวเองเสียอีก” หรือ “หากคุณคิดว่าโลกของเรามันบ้าไปแล้ว เมื่อคุณรู้ว่ามิค แจคเกอร์มีลูกกับนักบัลเลต์สาววัย 29 ปี ทุกอย่างก็จะดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที” และ “คนกลุ่มหนึ่งอาจจะคิดว่ามิค แจคเกอร์ แก่เกินกว่าจะมีลูก คนอื่นๆ ที่เหลือนั่นคือตัวมิค แจคเกอร์เอง”

คนใกล้ตัวเตือน คานเย่ เวสต์
อย่าอยู่ใกล้คาร์เดเชียน
ข่าวลือที่ว่า คิม คาร์เดเชียน ต้องการหย่าขาดจาก คานเย่ เวสต์ ยังคงโหมกระหน่ำอยู่ในกระแส แม้ว่าทั้งคิมและคานเย่จะยังคงปิดปากเงียบ ถึงขนาดว่ากันว่าคิมได้เดินทางไปพบกับทนายเพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องนี้ เพราะเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของสามีจนเกินทนเสียแล้ว
ส่วนหนึ่งของสาเหตุในความร้าวฉาน คาดว่าน่าจะเกิดจากเมื่อตอนที่คิมถูกปล้นเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เธอขอเก็บตัวเงียบ ไม่ไปทัวร์คอนเสิร์ตกับสามีเหมือนเมื่อก่อน ทั้งสองจึงเริ่มมีปากเสียงกันนำไปสู่ปัญหาทางจิตใจของแร็พเปอร์หนุ่มที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
จนตอนนี้มีข่าวว่า คานเย่กำลังกลัวว่าจะเป็นอีกชื่อที่ถูกฆ่าทิ้งจากครอบครัวคาร์เดเชียน เพราะหากมองดีๆ จะเห็นได้ว่า บรรดาหนุ่มๆ ที่มาข้องแวะกับครอบครัวนี้ ไม่ว่าจะเป็น คริส ฮัมฟรีย์ สามีคนแรกของคิม หรือ ลามาร์ โอดอม อดีตสามีของ โคลอี คาร์เดเชียน ทำให้คนอื่นๆ มองว่าหนุ่มคนไหนก็ตามที่มายุ่งเกี่ยวกับสาวๆ ตระกูลคาร์เดเชียน และเจนเนอร์ ต่างก็ต้องเสียใจในภาพหลังทั้งสิ้น
แหล่งข่าวกล่าวว่า “ผู้คนรอบข้างเวสต์ต่างก็บอกว่า เขาต้องหนีให้ไกลจากคนบ้าๆ พวกนั้น มันน่าจะมีคำสาปแน่ๆ อะไรก็ตามที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับครอบครัวคาร์เดเชียนต่างก็ถูกทำให้มัวหมองในภายหลัง พวกนั้นเป็นพวกฉวยโอกาสที่พยายามจะหาผลประโยชน์จากเขา”
ตอนนี้ทั้งคิมและคานเย่ต่างก็แยกกันอยู่ โดยคิมได้พาลูกๆ ไปอาศัยอยู่กับมารดา คริส เจนเนอร์ เป็นการชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ส่วนคานเย่เองก็เพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลเมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากที่มีอาการคลุ้มคลั่ง โดยเขายังคงอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่าทั้งสองไม่น่าจะหย่าร้างกัน แหล่งข่าวอื่นๆ กล่าวว่า “ข่าวเรื่องการหย่าร้างนั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย หากจะมีอะไรเกิดขึ้น ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งในเรื่องการปล้น และเรื่องของเขา มันทำให้พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น คิมอยู่เคียงข้างเขา และพวกเขาก็ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ข่าวลือเรื่องหย่าร้างเป็นเรื่องกุขึ้นทั้งเพ และมันเป็นข่าวที่แย่ เพราะมันทำให้กลายเป็นว่าเธอทิ้งเขาในตอนที่เขาต้องการ ซึ่งมันไม่จริงเลยสักนิด เพื่อนของเขาก็สนับสนุนทั้งเขาและเธอ”

แองเจลีนา โจลี ประณามแบรด พิตต์ ทำลูกๆ สะเทือนใจ
ตั้งแต่มีข่าวว่าหย่าร้างกัน ก็ดูเหมือนทั้ง แบรด พิตต์ และ แองเจลีนา โจลี จะมีเรื่องให้ต้องสาดโคลนใส่กันไม่เว้นแต่ละวัน และเรื่องหลักๆ ก็หนีไม่พ้นเรื่องลูกๆ ของทั้งสอง ล่าสุด แบรด พิตต์ ก็เพิ่งจะยื่นคำร้องต่อศาลอย่างเร่งด่วน โดยกล่าวหาว่าโจลีได้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเขาต่อสื่อมวลชน เพื่อทำให้เขาเสียชื่อเสียง
งานนี้โจลีก็ไม่รอช้าขอยื่นคำร้องบ้าง โดยว่ากันว่าเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งของพิตต์และแมดด็อกซ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
เอกสารลงวันที่ 1 ธันวาคม เปิดเผยว่า ทนายความของโจลีได้สั่งให้พิตต์เข้ารับการบำบัดกับนักบำบัดผู้ซึ่งชำนาญในการประสานรอยร้าวระหว่างเขากับลูกๆ โดยยื่นเป็นเงื่อนไขว่า หากพิตต์ต้องการจะได้โอกาสมาเยี่ยมลูกๆ แบบที่ไม่ต้องมีผู้คอยสอดส่องดูแล เขาจะต้องเข้ารับการบำบัดเพื่อทำตัวเป็นผู้สนับสนุนที่ดี และเรียนรู้วิธีที่จะเป็นพ่อที่ดีให้กับเด็กๆ
ที่จริงแล้วจนกระทั่งตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในเครื่องบินส่วนตัวของเขาเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าโจลีจะเชื่อว่าเด็กๆ จะยังคงบอบช้ำทางด้านจิตใจจากเหตุการณ์ในวันนั้น
ก่อนหน้านี้ ทนายความของพิตต์ได้รับทราบว่า แมดด็อกซ์ และ แพกซ์ ไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมการพบปะกับพ่อของพวกเขา ซึ่งทำให้คนอื่นๆ เชื่อว่าเด็กทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นดังกล่าว
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พิตต์เองไม่ได้เจอลูกๆ มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์หลังจากนั้น และต่อมา การเยี่ยมลูกๆ ของเขาก็จะต้องถูกจับตามองตลอด ซึ่งทีมงานของพิตต์กล่าวว่านี่เป็นแผนการของโจลีที่ต้องการจะทำลายชื่อเสียงของอดีตสามี
ขณะเดียวกันฝ่ายโจลีเองก็อ้างว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะฝ่ายหญิงต้องการให้มั่นใจว่าเด็กๆ จะปลอดภัยเท่านั้น

ริฮานนา ยันไม่เกาเหลา บียอนเซ
ดูเหมือนว่าหลังๆ มานี้ ริฮานนา จะมีชื่อตกเป็นข่าวในเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน แถมเรื่องส่วนตัวดังกล่าวยังโยงให้เธอเกาเหลากับคนนั้นทีคนนี้ที ล่าสุดนักร้องสาวออกมาเปิดใจถึงข่าวลือที่ว่าเธอไม่ถูกกับ บียอนเซ่ โดยเธอกล่าวว่าข่าวนี้ไม่เป็น
ความจริง
ริฮานนายอมรับว่าข่าวเกาเหลาระหว่างเธอและบียอนเซ่นั้นกระทบจิตใจเธอและแฟนเพลงของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมาก โดยข่าวลือนี้มีมาได้สักระยะ และมาเป็นกระแสอีกครั้งเมื่อทางแกรมมี่อวอร์ดส์ประกาศชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในปี 2017
แฟนเพลงของริฮานนาคนหนึ่งไม่พอใจที่นักร้องสาวได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงเพียง 8 รางวัล ที่สำคัญคือไม่มีชื่อของริฮานนาในรางวัลใหญ่ๆ อย่าง อัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี และเพลงยอดเยี่ยมแห่งปี ซึ่งไม่เพียงแต่บ่นเรื่องรางวัลแกรมมี่อวอร์ดส์เท่านั้น แฟนเพลงของริฮานนาคนดังกล่าวยังได้พาดพิงถึงบียอนเซ่เป็นนัยๆ ว่าคณะกรรมการของแกรมมี่คงจะเข้าข้างควีนเบย์มากกว่า จึงทำให้พลาดชื่อของริฮานนาไป
อย่างไรก็ตาม ริฮานนาได้ออกมาตอบโต้แค่ว่า “ฉันหวังว่าทุกคนจะหยุดพูดถึงเรื่องนี้ และมองไปที่ภาพรวมมากกว่า เราไม่อยากให้ใครปั่นให้ผู้หญิงผิวสีสองคนต้องมาทะเลาะกัน พวกเราทุกคนควรเฉลิมฉลอง และสถาบันแกรมมี่ก็คงจะเห็นด้วย”
คอมเมนต์จากริฮานนาถูกนักร้องสาวโพสต์ขึ้นหลังจากที่เธอเองก็ได้เข้าไปกดไลค์อินสตาแกรมภาพดังกล่าวของแฟนซึ่งนั่นคงทำให้คนอื่นๆ คิดว่าเธอเห็นด้วยกับโพสต์ดังกล่าว นักร้องสาวเลยต้องออกมาแสดงความคิดเห็นเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด
