ซูจีประชุมรมว.อาเซียน หารือวิกฤติโรฮีนจา โดนจวกแหลกละเมิดสิทธิมนุษย์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ธ.ค. 2559 19:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/815917

 

ออง ซาน ซูจี จัดประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียน หารือวิกฤติการณ์ชาวมุสลิมโรฮีนจาในรัฐยะไข่ หลังโดนองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างชาติ ล่าสุด แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกรายงานจวกแหลกกองทัพเมียนมาละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งกราดยิง เผาบ้านเรือน และหมู่บ้าน ข่มขืนผู้หญิง

เมื่อ 19 ธ.ค. 59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นางออง ซาน ซูจี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเมียนมา จัดประชุมร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศชาติสมาชิกสมาคมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่นครย่างกุ้ง เมื่อวันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม เพื่อหารือกันถึงวิกฤติการณ์เรื่องชาวมุสลิมโรฮีนจา ที่รัฐยะไข่ ในเมียนมา ที่กำลังเป็นประเด็นใหญ่ที่รัฐบาลเมียนมากำลังถูกองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างชาติโจมตีอย่างหนัก

วันเดียวกัน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกรายงานล่าสุด ‘WE ARE AT BREAKING POINT ’Rohingya Persecuted in Myanmar , Neglectd in Bangladesh ระบุกองทัพเมียนมามีส่วนรับผิดชอบในการละเมิดสิทธิต่อชาวโรฮีนจาอย่างกว้างขวางในรัฐยะไข่ ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เพราะมีทั้งการกราดยิง เผาบ้านเรือนและหมู่บ้าน ไปจนถึงการข่มขืนหญิงชาวโรฮีนจา ซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้งระหว่างปฏิบัติการปราบปรามชาวโรฮีนจาอย่างรุนแรง โดยการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ พร้อมกับชี้ว่า ซูจีล้มเหลวในการแสดงท่าทีดังกล่าว



นายราเฟดี จามิน ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า กองทัพเมียนมา พุ่งเป้าโจมตีพลเรือนชาวโรฮีนจาอย่างโหดร้ายและเป็นระบบ ด้วยปฏิบัติการที่ใช้ความรุนแรง มีผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ครอบครัว และหมู่บ้านต่างๆ ถูกโจมตี และทำร้ายผ่านวิธีการลงโทษแบบรวมหมู่

“ปฏิบัติการที่น่าชิงชังของทหารดังกล่าว อาจเป็นส่วนหนึ่งของการมุ่งโจมตีพลเมืองอย่างกว้างขวางและเป็นระบบ โดยอาจถือว่าเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เรามีความกังวลว่าเรื่องราวความโหดร้ายทารุณที่เราได้รับทราบ อาจเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ในขณะที่กองทัพเมียนมามีส่วนรับผิดชอบโดยตรงต่อการละเมิดสิทธิเหล่านี้ ออง ซาน ซูจี เองก็ล้มเหลวที่จะปฏิบัติตามความรับผิดชอบทางการเมืองและศีลธรรมของตน โดยไม่ได้พยายามหยุดยั้งหรือประณามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่แต่อย่างใด” แถลงการณ์จากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล


พร้อมกันนั้น ยังระบุว่า จากการสัมภาษณ์เหยื่อและการวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สามารถยืนยันได้ว่าทหารเมียนมาได้เผาทำลายอาคารบ้านเรือนของชาวโรฮีนจากว่า 1,200 แห่ง โดยในบางกรณีเป็นการเผาทั้งหมู่บ้าน ประจักษ์พยานหลายคนเล่าถึงการใช้อาวุธของทหาร ซึ่งดูเหมือนจะมีการใช้ปืนยิงจรวดแบบอาร์พีจี เพื่อทำลายบ้านเรือนประชาชนด้วย หมู่บ้านที่ถูกทำลายอย่างหนักคือ หมู่บ้านที่มีการปะทะระหว่างทหารกับกลุ่มติดอาวุธ แสดงให้เห็นว่าทหารใช้ปฏิบัติการเหล่านี้เพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มติดอาวุธ

นอกจากนั้น ชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่หลายหมื่นคน ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรม หลังทางการเมียนมามีคำสั่งห้ามไม่ให้หน่วยงานด้านมนุษยธรรมทั้งหมดเดินทางเข้าสู่ตอนเหนือของรัฐยะไข่ แม้ว่าก่อนวันที่ 9 ตุลาคม ระดับภาวะขาดอาหารในพื้นที่จะอยู่ในขั้นรุนแรงมากแล้วก็ตาม โดยประชาชนนับ 1.5 แสนคนต้องพึ่งพาอาหารแจกเพื่อประทังชีวิต มีประชาชนอย่างน้อย 30,000 คน ถูกบีบให้ต้องหลบหนีออกจากบ้านเรือนของตนอง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชาวมุสลิมโรฮีนจารัฐยะไข่ หนีทหารเมียนมา ข้ามชายแดนเข้าบังกลาเทศ

 

Leave a comment