‘ม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์’ กับเรื่องราวบทเพลงพระราชนิพนธ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/246391

วันเสาร์ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

เรื่องราวดีๆ มาให้ชมกันอีกแล้ว สำหรับรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน”ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN 2 ช่อง 784 สำหรับสัปดาห์นี้ พิธีกรรับเชิญ “ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย” พาไปพูดคุยกับ “ม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์” หรือ “พี่หญิงน้อง” เกี่ยวกับเรื่องราวเพลงพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ “ท่านพ่อ” หรือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ได้ถวายงานด้านการประพันธ์เนื้อร้องประกอบทำนองเพลงพระราชนิพนธ์


พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริจักรพันธ์
เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์ เล่าว่า “ผู้ที่แต่งเพลงทุกคน ส่วนมากจะใช้เปียโนหรือคีย์บอร์ดเป็นเครื่องมือในการแต่งเพลง ท่านพ่อก็เช่นกันเช่น พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงใช้เปียโนในการทรงเพลงพระราชนิพนธ์ แล้วพอได้รับทำนองเพลงพระราชนิพนธ์มา ท่านพ่อก็ต้องมาแต่งเนื้อเพลงถวาย ถ้าโปรดให้แต่งเนื้อเพลงไหน ก็นำโน้ตเพลงนั้นมาแล้วก็ต้องมากดโน้ตตาม แล้วก็เข้าใจว่าจะใส่เนื้ออะไร ท่านพ่อก็ใช้เปียโนเช่นกัน แล้วเปียโนหลังนี้ ก็เป็นหลังสุดท้ายที่ท่านได้ทรงใช้ทำงานถวาย พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ใน 2 เพลงหลัง คือเพลง A Love Story แล้วก็เพลงSomewhere Somehow

เพลงพระราชนิพนธ์มีทั้งหมด 48 เพลงคือทำนอง แต่ว่าเนื้อคำร้องมากกว่านั้น ส่วนมากจะมี 2 คำร้อง คือไทยกับอังกฤษ บางเพลงมีถึง3 คำร้อง เช่น เพลง Somewhere Somehowจะมี ฝัน แล้วก็ เพลินภูพิงค์ เป็น 3 คำร้องทีเดียว เป็นไทย 2 เป็นอังกฤษ 1 ก็เป็นเช่นนั้น

ทีนี้ท่านพ่อก็เป็นผู้ที่โชคดีมีบุญ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ เป็นจังหวะของท่านพ่อนะที่ท่านเกิดมาทัน หรือว่าเกิดมารอ พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งท่านพ่อมีพระชนม์ 30 กว่าชันษา ที่ได้เข้าเฝ้าฯถวายตัว ตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระอนุชาก็โปรดที่จะทรงเพลง และเริ่มที่จะทรงคิดว่าจะทรงพระราชนิพนธ์เพลง และท่านพ่อก็ได้เข้าไปถวายงานเลย

เพลงแรกที่พระราชนิพนธ์เลย คือเพลงแสงเทียน ถึงจะออกมาทีหลังเพลงยามเย็น ก็ตาม แต่เพลงแสงเทียนเป็นเพลงที่เหมือนกับว่าเป็นเพลงที่แฝงธรรมะที่พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย แล้วก็พระราชทานลงมาเป็นเพลงที่ 2 แต่ว่าความจริงแล้วพระราชนิพนธ์มาเป็นเพลงแรก แต่ว่าพระราชทานลงมาให้ประชาชนได้ยินได้ฟังเป็นเพลงที่ 2

อีกเพลงที่คนฟังแล้วคุ้นมาก ตอนเด็กๆฟังด้วยความซาบซึ้ง คือเพลงสายฝน เป็นอีกเพลงที่ท่านพ่อได้ถวายงาน เป็นพระราชนิพนธ์เพลงที่ 3 แล้ว ก็ทั้งพระราชนิพนธ์ที่ 1-2-3-4 ท่านพ่อได้ถวายงานแต่งเนื้อเพลงหมด ยามเย็นพระราชทานลงมาก่อน แล้วถัดมาก็ แสงเทียน ซึ่งเป็นเพลงแห่งปรัชญาชีวิต เป็นสัจธรรม เป็นธรรมะ ยิ่งช่วงสุดท้ายยิ่งไพเราะมากเลย โอ้ชีวิตหนอ ล้วนรอความตายทุกคน เป็นสัจธรรมมากๆ

ท่านพ่อได้ถวายงานในเรื่องเกี่ยวกับบทเพลงหรือคำร้องถึงปี พ.ศ.2502 คือก็ไม่ได้หยุดถวายงานหรอก แต่ว่าถวายงานด้านคำร้องเพลงถึง พ.ศ.2502 ที่เปียโนหลังนี้ได้ทันถวายงานต้องบอกว่าเปียโนหลังนี้เป็นชิ้นประวัติศาสตร์


ม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์ กับเปียโนหลังประวัติศาสตร์

เพลงสุดท้ายที่ท่านพ่อได้ถวายงาน พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในปี 2502 คือเพลง A Love Story ท่านพ่อได้ถวายงานทั้งหมด 34 คำร้อง ซึ่งอย่างที่บอกคำร้องบางเพลงเป็นไทย บางเพลงเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็หลายๆ พระราชนิพนธ์ที่ถวายทั้ง 2 ภาษา ก็เลยมีจำนวนมาก

เปียโนหลังประวัติศาสตร์ที่ท่านพ่อได้ใช้ถวายงานให้กับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตอนนี้อยู่ที่บ้านพี่ ซึ่งพี่ตั้งใจว่าจะมอบให้กับ หอสมุดแห่งชาติ ที่มีโครงการทำหอสมุดดนตรีแห่งชาติ คือเป็นหอสมุดดนตรีใหญ่รวม ซึ่งได้ยินมาว่าจะขยายใหญ่ แล้วก็ได้พูดคุยกันไว้บ้างแล้วว่าจะมีมุม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ อยู่สักมุมหนึ่งได้ไหม เพราะอย่างน้อยๆ ก็มีเพลง มีคำประพันธ์ พูดง่ายๆคือพระราชนิพนธ์ที่ถวายงานตรงนั้น ก็จะมีให้เห็นด้วยว่าเครื่องดนตรีที่ใช้ในการถวายงานคือ เปียโนหลังนี้ซึ่งถ้าอยู่ที่บ้านก็คงจะเข้ามาดูได้ยาก เพราะฉะนั้นถ้าเอาไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ผู้ที่สนใจอยากจะรู้งานของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริจักรพันธ์ ก็จะได้ไปศึกษาไปดูได้”

 

Leave a comment