ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/247667
ดร.จรรยา มณีโชติ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัชพืชกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตร ได้ลงพื้นที่สำรวจไร่มันสำปะหลังของเกษตรกภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง จันทบุรี ปราจีนบุรี และสระแก้ว ที่ประสบปัญหาโรคพุ่มแจ้รุกระบาดทำลายผลผลิตในไร่มันสำปะหลังเสียหายกว่า 70% โดยสาเหตุเกิดจากเชื้อไฟโตพลาสมา มีเพลี้ยจักจั่นเป็นแมลงพาหะของโรค และมีต้นวัชพืชสาบม่วงที่มีลักษณะใบกว้างเป็นพืชอาศัย หากเชื้อเพิ่มปริมาณมากจะเข้าไปอุดตันท่อลำเลียงอาหารของพืช ทำให้ส่วนยอดแคระแกร็น พืชแตกตาข้างมาเพื่อความอยู่รอดมากขึ้น ยอดเป็นพุ่ม ใบเล็กลงสีเหลือง และใบแห้งติดกิ่งหรือร่วงหล่น กรณีระบาดรุนแรงมันสำปะหลังจะยืนต้นตาย ท่ออาหารใต้เปลือกลำต้นหรือหัวเปลี่ยนเป็นเส้นสีน้ำตาลดำ
กรมวิชาการเกษตรขอแนะนำว่า ให้เกษตรกรสังเกตลักษณะอาการของต้นมันสำปะหลังที่ถูกเชื้อไฟโตพลาสมา หากพบก็ควรตัดต้นท่อนพันธุ์จากแปลงปลูกที่เป็นโรคออกไปเผาทำลายนอกแปลง เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยข้ามฤดูกาล ลดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการแพร่ขยายพันธุ์ของเชื้อสาเหตุโรค และจำกัดวงระบาดของโรคพุ่มแจ้ไม่ให้ขยายวงกว้าง ในกรณีที่ต้องการเก็บหัวมันสำปะหลังไว้ข้ามปี ให้เกษตรกรลอกเปลือกที่โคนต้นแล้วสังเกตดูท่ออาหารใต้เปลือกว่าเป็นเส้นสีดำหรือไม่ หากพบแสดงว่าเชื้อไฟโตพลาสมาเข้าทำลายหัวมันแล้ว ควรขุดหัวมันขายแล้วปลูกใหม่ด้วยท่อนพันธุ์จากแหล่งปลอดโรค กรณีไม่พบความผิดปกติแสดงว่าเชื้อไฟโตพลาสมายังไม่ลามลงมาถึงหัวใต้ดิน สามารถตัดต้นทิ้งไปแล้วรอให้แตกต้นใหม่ได้ หากปล่อยทิ้งไว้หัวมันสำปะหลังจะพบเส้นลายดำและเปอร์เซ็นต์แป้งต่ำลง ผลผลิตจะขายไม่ได้ราคา
นอกจากนี้ เกษตรกรควรสำรวจแปลงปลูกและบริเวณโดยรอบว่า มีต้นวัชพืชสาบม่วงที่มีสีของดอกสาบม่วงเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นใบสีเขียวขึ้นอยู่ในแปลงปลูกหรือไม่ หากพบควรถอนกำจัดไปเผาทำลายทิ้งนอกแปลงปลูก เพื่อตัดวงจรโรคพุ่มแจ้มันสำปะหลัง สำหรับท่านที่สนใจเทคนิคป้องกันกำจัดโรคพุ่มแจ้มันสำปะหลังอย่างถูกวิธี สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ดร.จรรยา มณีโชติ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัชพืช กรมวิชาการเกษตร หมายเลขโทรศัพท์ 08-1805-7489