ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/251108
วันพฤหัสบดี ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.
“สำหรับการรองรับช่วงปีใหม่ ที่ กมธ.ได้ส่งแผนให้ผู้รับผิดชอบ มีแผนลดการสูญเสียลงประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ของ
ปีใหม่ปี 2559 จากเสียชีวิต 380 คน เหลือไม่เกิน 361 คน หากไม่มีมาตรการรองรับจะมีผู้เสียชีวิต
เพิ่มขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยกำหนดให้มีการเตรียมการตั้งแต่ ต.ค.-พ.ย.2559 และเริ่มประชาสัมพันธ์ในเดือน ธ.ค. 2559 แต่จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2559 ทำให้เห็นว่าไม่มีการนำแผนไปปฏิบัติ”
ความเห็นของ “นิกร จำนง” อดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ต่อสถานการณ์ “7 วันอันตราย” ส่งท้ายปีเก่า 2559-ต้อนรับ
ปีใหม่ 2560 ที่ยังมีคน “เจ็บ-ตาย-พิการ” จากอุบัติเหตุค่อนข้างสูง
นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเมื่อถึงเทศกาล “หยุดยาว” สังคมไทยเคยชินกับการต้อง “ลุ้น” ว่าปีนี้หนึ่งใน “ผู้สูญเสีย” จะมีญาติพี่น้องด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะกับ “รถโดยสารสาธารณะ” อย่าง…
“รถตู้-รถบัส”!!!
เช่นปีนี้ กรณีอุบัติเหตุ “คลอก 25 ศพ” ที่รถตู้สายกรุงเทพฯ-จันทบุรี ชนกับรถกระบะจนไฟลุกท่วม ที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี มีผู้เสียชีวิตถึง 25 ศพ สาเหตุยัง “ซ้ำซาก” ทุกปีทั้งในและนอกเทศกาล นั่นคือการมุ่ง…
“ทำรอบ-ปั่นยอด”!!!
ดังข้อมูลจาก “พรศักดิ์ ไทยเจียมอารีย์” ขนส่งจังหวัดจันทบุรี ตั้งข้อสังเกตว่า โชเฟอร์รถตู้รายนี้ น่าจะขับรถถึง “5 เที่ยว” ในเวลาเพียง “31 ชั่วโมง”

เหตุที่ต้อง “ทำรอบ-ปั่นยอด” เนื่องจากคนขับจำนวนมากไม่มีรายได้มั่นคงเพียงพอ รายได้หลักไม่ใช่เงินเดือน แต่เป็นจาก “ค่าโดยสาร” ดังที่ “นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์” ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) เปิดเผยเกี่ยวกับวงการรถตู้โดยสาร ตั้งแต่ปี 2555 ว่า…
“เจ้าของวินไม่จำเป็นต้องมีรถตู้เป็นของตัวเอง ใช้วิธีเกณฑ์เจ้าของรถตู้รายย่อยมาเข้าวิน ยิ่งมีรถมามากค่าวินย่อมได้มากเหมือน
เสือนอนกิน รวมทั้งออกรถตู้มาให้คนอื่นเช่าขับ คนขับจ่ายทั้งค่าเช่า ค่าแก๊ส ค่าวิน จะทำเงินให้คุ้มมันก็ต้องวิ่งรถทำเวลา ไม่เช่นนั้นไม่เหลือกำไร แล้วการวิ่งทำรอบทำเที่ยวนี่เองที่เป็นที่มาของอุบัติเหตุ”
ไม่ต่างจากที่ “แนวหน้า” คุยกับ “อดีตโชเฟอร์รถตู้” รายหนึ่ง ที่ยืนยันว่า ผู้ประกอบการรถตู้บางรายเน้นให้คนขับขนผู้โดยสารไปมากๆ ศัพท์ในวงการเรียกว่า“เลี้ยงหมู” เช่น กฎหมายให้นั่งได้ไม่เกิน 15 คน แต่ไปจริง 18-20 คน ยิ่งถ้าผู้โดยสารส่วนใหญ่ตัวเล็กหรือเป็นเด็กยิ่ง “ยัดทะนาน” เข้าไปได้มาก
“ถ้ามีเด็กหรือคนผอมมาด้วย ยัดเข้าไปสบายเลย หรือใครมีแฟนมีลูกมาด้วย รีบใช่ไหม? นั่งตักเลยก็ได้ กำไรก็ได้กับทางรถ” อดีตโชเฟอร์รถตู้รายนี้ กล่าว
ไม่ต่างจากที่ “วีระพงษ์ วงแหวน” ประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวกับ “สกู๊ปแนวหน้า”
เทียบกันให้เห็นๆ ระหว่างคนขับ-กระเป๋ารถเมล์ ขสมก. ว่า คน ขสมก. มีชีวิตที่มั่นคง ไม่ต้องแข่งกันทำรอบ-ปั่นยอด เหมือนเพื่อนร่วมอาชีพในฟากรถร่วมเอกชน
“มีแม้กระทั่งให้เช่ารถเป็นวัน วันละ 1,500 บาท วิ่งได้เกินนี้ก็เอาไป แล้วสภาพการจราจรแบบนี้มันจะได้ไหม? พอวิ่งมากๆ เข้าความปลอดภัยก็ไม่เกิด ผู้โดยสารก็กระทบ สวัสดิการคุณก็ไม่มีให้เขา อย่างประกันสังคมที่กฎหมายเขาบอกให้มี บางบริษัทมี แต่บางบริษัทไม่มี กระทรวงแรงงานต้องไปสุ่มตรวจ” วีระพงษ์ ระบุ
เมื่อไปดูรายงาน “การปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนน” ของ สปท. อ้างอิงตัวเลขของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พบว่า ระหว่างปี 2555-2558มีรถโดยสารขนาดเล็ก หรือ “รถตู้” เกิดอุบัติเหตุเฉลี่ย 800-900 ครั้งต่อปี ขณะที่รถโดยสารขนาดใหญ่ หรือ “รถบัส” ในปี 2555 เกิดอุบัติเหตุ 1,001 ครั้ง ปี 2556-2558 เฉลี่ย 700-800 ครั้งต่อปี แม้จะคิดเป็นเพียงร้อยละ 1 เศษๆของจำนวนอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด แต่เพราะรถโดยสารมีคนใช้บริการต่อคันจำนวนมาก ความสูญเสียย่อมมากเป็นเงาตามตัว
รายงานฉบับนี้ ระบุ “แผนปี 2560-2564 ของ สปท.” ในส่วนที่เกี่ยวกับรถตู้โดยสาร ว่า “ต้องไม่ใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง” ซึ่งไม่ใช่แต่เพียงรายงาน สปท. เท่านั้น เพราะที่ผ่านมามักมีข่าวกรณีรถติดแก๊ส LPG เกิดเพลิงไหม้บ่อยครั้ง โดย “บทความความแตกต่างระหว่าง แก๊ส LPG และ ก๊าซ NGV” จากเว็บไซต์เครือข่ายผู้ใช้และผู้ประกอบการติดตั้งก๊าซในรถยนต์อย่าง gasthai.com อธิบายว่า…
“ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งมีองค์ประกอบของก๊าซโพรเพน (Propane) เป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นก๊าซที่หนักกว่าอากาศ โดยตัว LPG เองไม่มีสี ไม่มีกลิ่นเช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติ แต่เนื่องจากเป็นก๊าซที่หนักกว่าอากาศจึงมีการสะสมและลุกไหม้ได้ง่าย”
กมธ.สปท. จึงกังวลว่า รถตู้หากติดก๊าซ LPG เมื่อเกิดไฟไหม้จะลุกลามอย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารที่มีจำนวนมากในรถยากจะหนีได้ทัน เสี่ยงถูก “ย่างสด” ยกคัน ซึ่งตรงกับเหตุสลดครั้งล่าสุดที่ อ.บ้านบึง ซึ่งพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า รถตู้คันเกิดเหตุมีถังก๊าซ LPG ถึง “3 ถัง”
ยังไม่นับเรื่อง “สภาพรถ” ที่หลังเกิดเหตุ มีชาวเนตรายหนึ่งโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า รถตู้คันเกิดเหตุหมายเลขทะเบียน 15-1352 กรุงเทพ เคยเกิดอุบัติเหตุทั้ง “เบรกแตก-ยางแตก” มาแล้ว แต่โชคดีที่คนขับนำรถเข้าจอดข้างทางได้อย่างปลอดภัย ครั้งนั้นคนขับบอกผู้โดยสารว่ารถคันนี้ควรต้อง “ปลดระวาง” ได้แล้ว
เรื่องการนำรถสภาพไม่สมบูรณ์มาใช้ ไม่ใช่เกิดเพียงกับรถตู้ แต่ยังรวมถึง “รถบัสโดยสาร” ดังการเปิดเผยของ “ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ แตะกระโทก” อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่พบว่า รถบางสายที่วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสาร “สภาพเก่า” แต่ต้องวิ่งใน “พื้นที่เสี่ยง” อาทิ เทือกเขาสลับซับซ้อน หรือผู้ประกอบการบางรายใช้วิธี “สลับรถ” เมื่อรถวิ่งไปแล้วเสีย คนขับมักได้รับคำแนะนำให้ “ประคองรถ” มาถึงจุดหนึ่งก่อนเพื่อย้ายผู้โดยสารไปคันอื่น ฉะนั้นควรกำหนดให้ชัดว่า “รถเสียต้องจอด” ดีกว่าวิ่งไปแล้วเกิดอันตราย เพราะบางคัน…

“ไปไม่ถึง”!!!
“อาจารย์ทวีศักดิ์” กล่าวอีกว่า นอกจากผู้ขับรถแล้ว “เจ้าของวิน” หรือผู้ได้รับใบอนุญาต-สัมปทานประกอบกิจการเดินรถ ภาครัฐต้องเข้าไปตรวจสอบว่ามี“ความพร้อม” หรือไม่? เช่น จัดรถและคนขับได้เหมาะสมกับสภาพถนนเพียงใด
ขณะที่ “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” เปิดเผยสถิติอุบัติเหตุของรถโดยสารประเภทต่างๆ ระหว่างเดือน ม.ค.-พ.ย. 2559 รถตู้โดยสาร มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด215 ครั้ง เสียชีวิต 103 คน รองลงมาคือ รถบัสโดยสารประจำทาง 141 ครั้ง เสียชีวิต 56 คน อันดับ 3 รถทัวร์โดยสารไม่ประจำทาง 52 ครั้ง เสียชีวิต 47 คน อันดับ 4 รถแท็กซี่ 77 ครั้ง เสียชีวิต 7คน และอันดับ 5 รถเมล์โดยสาร 48 ครั้ง เสียชีวิต 10 คน
ทั้งหมดอาจสรุปได้ว่า สาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดกับรถโดยสารสาธารณะ ไม่ว่า “รถตู้-บัส-เมล์” เกิดจาก 1.คนขับ ที่รายได้ไม่มั่นคง จึงต้องเร่งทำรอบ-ปั่นยอด แม้จะเสี่ยงอันตรายทั้งกับผู้โดยสาร รวมถึงตัวคนขับเองก็ตาม
2.ผู้ประกอบการ ที่ลดต้นทุนด้วยการให้ผู้อื่นเช่ารถไปขับต่อ หรือให้ผู้มีรถมาวิ่งในสังกัดของตนโดยเก็บค่าวิน ทำให้ไม่ต้องรับผิดชอบมากนัก เมื่อเทียบกับการมีรถพร้อมระบบบริหารจัดการเป็นของตนเอง โดยจ้างคนขับเป็นพนักงานกินเงินเดือน
3.สภาพรถ เช่น แม้จะมีคำเตือนมาได้สักระยะแล้วกรณีรถตู้กับก๊าซ LPG แต่ยังพบรถตู้ที่ติด “ก๊าซไวไฟ” วิ่งให้บริการอยู่ เป็นต้น
“ปฏิรูปประเทศ” ยังไม่ต้องมองเรื่องไหน เอาแค่เรื่อง “ใกล้ตัว” นี่เสียก่อน ไม่เช่นนั้นเราคงถูกปรามาสไปตลอดกาลว่า…
“ขนส่งไทย…พาไปไกลถึงยมโลก”!!!
