ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/255253

วันอาทิตย์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ไปญี่ปุ่นมาก็หลายครั้งสำหรับสาววัยใส เชอรีน-ณัฐจารี หรเวชกุล แต่การไปเยือนญี่ปุ่นในครั้งนี้ของเธอ บอกเลยว่าพิเศษและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสาวเชอรีนสุดๆ เพราะนอกจากจะได้ไปดูคอนเสิร์ตใหญ่ของพี่ชายอย่าง นิชคุณ หรเวชกุล ที่โตเกียวโดม เชอรีนยังได้เจอกับวิถีเที่ยวแบบไม่คาดคิด ชนิดที่ว่าดีต่อใจ จนต้องขอกลับไปอีกครั้งอย่างแน่นอน

เที่ยวตามแพลน “ที่ตั้งใจไปครั้งนี้ คือไปดูคอนเสิร์ตของพี่ชายค่ะ (นิชคุณ หรเวชกุลหนึ่งในสมาชิกวง 2PM) เขาเล่นที่โตเกียวโดม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานที่ใหญ่มากๆ แล้วคนที่เป็นศิลปินหลายๆ คนก็มีความฝันที่จะไปขึ้นแสดงโชว์กันที่โดมนี้ พอพี่เราได้ขึ้น เราก็เลยอยากจะไปดูสักครั้ง ตอนนั้นแพลนไปประมาณ 7-8 วันค่ะ ในทริปที่ไปก็จะไปกับเพื่อนสองคน แล้วก็ไปเจอกับคุณแม่กับญาติๆ ที่นั่น พอดูคอนเสิร์ตเสร็จวันถัดไปก็มีไปที่ดิสนีย์แลนด์ กับยูนิเวอร์แซล สตูดิโอที่ญี่ปุ่น ไปเที่ยวทั้งสองเมืองเลย โอซาก้าแล้วก็โตเกียว อากาศดีค่ะ ส่วนใหญ่ที่ไปญี่ปุ่น 3-4 ครั้งก็จะไปกับครอบครัว ซึ่งก็จะมากับทัวร์ เราก็แบบ ไม่ใช่สไตล์เรา จะรู้สึกไม่ค่อยชอบ และไม่ได้รู้สึกอะไรกับญี่ปุ่นมาก เท่ากับเกาหลีใต้ที่เราไปค่อนข้างบ่อย”

จุดเปลี่ยน…เริ่มหลงรักญี่ปุ่น “มีช่วงหนึ่งที่มีโอกาสได้ไปทำงานที่นาโกย่า เรารู้สึกชอบมากเราได้เที่ยวเองกับแม่ แล้วก็กับกั้งด้วย รุ่นเดียวกันพากันเที่ยว ซึ่งพอเราได้ลองแบบนั้นบ้างเราก็เลยรู้สึกว่าญี่ปุ่นก็โอเคนะ ชอบค่ะ ก็เลยเกิดเป็นทริปนี้ แล้วก็เลยชวนเพื่อนมาดูคอนเสิร์ตพี่ชายด้วย”

ประทับใจเกินคาด ชวนกลับมาญี่ปุ่นอีกครั้ง “มีวันหนึ่งที่เชอรีนกับเพื่อนๆ ไปเดินแยก ซิบูย่า แล้วเจอคนแต่งคอสเพลย์ต่างๆ ในคืนวันฮาโลวีน คือเขาปิดถนนให้คนลงมาเดินเลยนะคะ พวกเราก็ไปเดิน ยืนขอเขาถ่ายรูป ไปเล่นตรงนั้น คือเรารู้สึกว่าบรรยากาศดีมาก ทุกคนเหมือนร่วมมือกัน แต่งตัวมาเดินสนุกสนานจนพวกหนูอยากมาแต่งบ้างค่ะ”

ทริปในความทรงจำยากจะลืม “น่าจะเป็นที่เกาหลีใต้ ตอนนั้นตั้งใจจะไปดูงานม็อบ ก็คือเหมือนงานแร็พเปอร์ของเกาหลี แล้วเพิ่งมารู้ก่อนไปงานวันหนึ่งว่าต้องไปอีกเมืองหนึ่งนอกโซล ต้องนั่งรถไฟความเร็วสูงสองชั่วโมง และขากลับก็นั่งธรรมดา 4 ชั่วโมง ซึ่งเป็นทริปที่ไม่ได้เอาตังค์ไปเยอะเพราะไม่ได้คิดว่าจะต้องออกนอกโซล พวกเราเซฟตังค์กัน โดยการต้มรามยอนกินทั้งวัน ตอนเย็นก็ออกไปกินไก่ทอดกันและตกลงกันว่าจะกินแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งไว้กินตอนเช้า ก็เลยได้ห่อกลับมาที่ห้อง วันรุ่งขึ้นเดินทางไปสถานีรถไฟ แล้วจะซื้อของกินกันก็ต้องมานั่งคำนวณกันว่าอะไรถูกที่สุดและคุ้มที่สุดในร้าน แต่พอขากลับเข้ามาโซล กลายเป็นว่าตังค์เหลือค่ะ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นวันสุดท้ายก็เลยได้ช็อปปิ้งกระจายเลยค่ะ (หัวเราะ)”

นอกเหนือความสนุกจากการเที่ยว “อย่างแรกเลยการเที่ยวต่างประเทศทำให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับเพื่อน คือปกติอยู่เมืองไทยเวลาไปเที่ยวด้วยกันหรือว่าไปดูหนังด้วยกันก็จะแป๊บๆ แต่การที่เราได้ไปอยู่ด้วยกันนานๆ อย่างทริปที่เชอรีนไปเกาหลีใต้ก็ไปกับเพื่อน 3 คน อยู่ 8 วัน ต้องอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง เรียนรู้กันเอง เรียนรู้การเอาตัวรอดในต่างประเทศ อย่างเช่นเราไม่มีอินเตอร์เนตก็ต้องหาที่พักให้เจอโดยที่ไม่มีอินเตอร์เนต เอาตัวรอด ต้องระวัง ที่สำคัญได้เรียนรู้ประเพณีบ้านเขาหรือว่ารูปแบบการใช้ชีวิตของเขา ระบบ ระเบียบ ในแต่ละที อย่างที่ไปมาเกาหลีใต้ก็แบบหนึ่งนะ ญี่ปุ่นก็เป็นอีกแบบ อันไหนที่ปรับใช้กับตัวเราเองเราก็ดึงออกมาใช้”

เห็นไหมคะการเที่ยวแต่ละครั้งแต่ละที่นอกจากจะมีเรื่องราวดีๆ ให้เราจดจำ ประสบการณ์เหล่านั้นยังเป็นบทเรียนการดำรงชีวิตที่ใช้ได้จริงๆ อีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวที่จะไปเจอสิ่งแปลกใหม่ในโลกใบนี้ อยากไปไหนลุยเลยค่ะ

หยินหยาง