เปิดเวทีฉะสื่ออีก-ทรัมป์ยังเคืองถูกคุ้ยเอี่ยวหมี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 20 ก.พ. 2560 01:15

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/862014


ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จัดเวทีปราศรัย “การรณรงค์ชุมนุมเพื่ออเมริกา” ที่เมืองเมลเบิร์น รัฐฟลอริดา เมื่อ 18 ก.พ. มีผู้สนับสนุนเข้าร่วมนับพันคน แต่ก็มีผู้ประท้วงนับร้อยคนชุมนุมต่อต้านนายทรัมป์อยู่บริเวณด้านนอกสถานที่จัดงานด้วย นายทรัมป์ขึ้นปราศรัยบนเวทีกล่าวโจมตีสื่อสารมวลชนอีกรอบ ระบุว่าสื่อไม่ต้องการรายงานความจริงและมีวาระของตัวเอง กล่าวปกป้องความสำเร็จในฐานะประธานาธิบดีด้วยการยืนยันว่า จิตวิญญาณแห่งมุมมองด้านบวกกำลังเอ่อท่วมสหรัฐฯ

นายทรัมป์ยังระบุ ต้องการพูดกับชาวอเมริกันโดยไม่ต้องใช้เครื่องกรองข่าวลวงข่าวไม่จริง อธิบายสื่อว่าเป็นพวกไม่ซื่อสัตย์ สื่อบางสำนักไม่ต้องการรายงานความจริงและกำลังเสกสรรปั้นแต่งเรื่องราวของตน นายทรัมป์ยังพูดบนเวทีอีกหลายเรื่อง รวมทั้งให้คำมั่นดำเนินนโยบายที่หาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้งคือจะทำให้สหรัฐฯปลอดภัย และจะเป็นประเทศที่มีพรมแดนแข็งแกร่งอีกครั้งและเน้นย้ำคำมั่นจะสร้างตำแหน่งงานในสหรัฐฯมากขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อ 16 ก.พ. นายทรัมป์แถลงข่าวโจมตีสื่อว่า ระดับความซื่อสัตย์อยู่เกินการควบคุมได้แล้วกรณีเล่นข่าวข้อกล่าวหามีการติดต่อกับรัสเซียช่วงหาเสียงเลือกตั้งและจากเรื่องร้อนนี้ ทำให้นายไมเคิล ฟลินน์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของนายทรัมป์ต้องลาออกเมื่อ 13 ก.พ. หลังถูกสื่อแฉกระทั่งยอมรับในท้ายที่สุดว่าทำการติดต่อพูดคุยกับทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ เรื่องการคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่อรัสเซียก่อนนายทรัมป์สาบานตน

ขณะเดียวกัน นายทรัมป์จะยังพำนักอยู่ที่รีสอร์ตมาร์-อา-เลโก ของเขาในรัฐฟลอริดาช่วงสุดสัปดาห์นี้อีกเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งในทวิตเตอร์ นายทรัมป์พูดถึงรีสอร์ตแห่งนี้ว่าเป็น “ทำเนียบขาวทางใต้” แม้ว่าจะไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ระหว่างนี้จะตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เป็นตัวเต็ง 4 คนเพื่อเป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติแทนนายฟลินน์ รวมทั้งนายคีธ เคลล็อกก์ รักษาการที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติและนายจอห์น โบลตัน อดีตทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯได้ลงนามคำสั่งเพื่อเป็นข้อแนะนำการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มขยายจำนวนผู้อพยพผิดกฎหมาย ผู้อาจถูกสกัดและเนรเทศ แต่ยังต้องรอให้ทำเนียบขาวอนุมัติก่อน เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งบริหารเกี่ยวกับผู้อพยพที่นายทรัมป์ลงนามเมื่อ 25 ม.ค. และเพื่อให้ระดมกำลังตำรวจและผู้ช่วยนายอำเภอ เพื่อช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้านผู้อพยพ.

 

Leave a comment