แตกใบอ่อน : อย่ามัดมือชก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/252063

807934531

วันพฤหัสบดี ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ทำท่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่องจากการออกมาแสดงท่าทีของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ต่อการเคลื่อนไหวคัดค้านแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ระยะที่ 2 พ.ศ.2558-2568 ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือของ 4 ชาติประกอบด้วย จีน พม่า ลาว และไทย โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของไทยมีมติเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ไฟเขียวให้ดำเนินการระเบิดแก่งในแม่น้ำโขงที่อยู่ในแนวเขตแดนไทย เพื่อเปิดร่องน้ำให้เรือพาณิชย์หรือเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ 500 ตันสามารถวิ่งในแม่น้ำโขงได้ตลอดทั้งปี

โดยข้อใหญ่ใจความที่ชาวบ้านคัดค้าน เนื่องจากเห็นว่า เมื่อมีการระเบิดเกาะแก่งและเปิดร่องน้ำลึกให้เดินเรือขนาดใหญ่ ไม่เพียงแต่จะกระทบไปถึงการทำลายพันธุ์พืช ทรัพยากร และอาชีพประมงพื้นบ้านของชาวบ้านริมโขงเท่านั้น แต่ยังอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ การกัดเซาะตลิ่ง ซึ่งส่งผลกระทบในเรื่องการสูญเสียดินแดนอีกด้วย

ขณะที่ท่านนายกฯก็อ้างว่า ประเด็นเรื่องทรัพยากรนั้น มันถูกทำลายและหมดไปตั้งแต่ต้นน้ำไปแล้ว ปัญหาวันนี้น้ำข้างบนที่จะไหลลงมาข้างล่างก็ยังไม่พอเลย

“ถ้าจะพูดถึงทรัพยากร เรื่องของเขื่อนปากมูล อยากถามว่าแล้วประมงพื้นบ้านหาเงินได้วันละเท่าไร น้ำมันตื้นขนาดนี้จะหาเงินได้เท่าไร”

นอกจากนี้ ท่านยังถามกลับอีกว่า แม่น้ำโขงไม่ได้เป็นของไทยประเทศเดียว แต่เป็นแม่น้ำระหว่างประเทศไม่ใช่หรือดังนั้นถ้ามีการระเบิดแก่ง แล้วประเทศไทยจะไปเสียประโยชน์ตรงไหน?

เจอนายกฯพูดจาแบบกำปั้นทุบดินและเถียงแบบข้างๆคูๆแบบนี้ ก็ต้องบอกว่าน่าผิดหวังเหลือเกินกับ “วุฒิภาวะ” ของคนที่เป็นถึงระดับนายกรัฐมนตรี

เพราะไม่ว่าแม่น้ำโขงมันจะไหลผ่านไปกี่ประเทศก็แล้วแต่ แต่ประเด็นก็ คือ ตลอดแนวแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านและถูกกำหนดให้เป็นเขตแดนของประเทศไทยนั้น เราเองก็จำเป็นต้องดูแลปกป้องผลประโยชน์ให้มากที่สุด มันก็เหมือนกับทะเลนั่นแหละครับ ถ้าจะให้พูดกำปั้นทุบดินแบบนายกฯว่า ทะเลเป็นของนานาชาติ แล้วแบบนี้เราจะปล่อยให้เรือประมงต่างชาติมาจับปลาในน่านน้ำไทย หรือใครอยากเข้ามาขุดเจาะหาน้ำมัน หาทรัพยากรอะไรไปใช้ ก็ทำได้ตามสบายแบบนั้นเลยหรือเปล่า

ที่สำคัญ ไม่ว่าชาวบ้านหรือชาวประมงที่อยู่ริมฝั่งโขงเขาจะหาเงินได้กี่มากน้อยขนาดไหนจากแม่น้ำแห่งนี้ แต่คุณประยุทธ์ก็ไม่มีสิทธิจะมาพูดหรือหยิบมาเป็นข้ออ้างใดๆ เพื่อเปิดทางให้มีการย่ำยีทรัพยากรในท้องถิ่นได้แม้แต่น้อย เพราะต้องไม่ลืมว่า การอาศัยอยู่ริมฝั่งโขงของชาวบ้านไม่ได้มีเพียงบริบทการประกอบอาชีพหารายได้เท่านั้น แต่ยังมีประเด็นเรื่องวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นและอื่นๆ ที่ผนวกรวมเป็น “วิถีชีวิต” ของชาวบ้านรวมอยู่ด้วย

สำคัญยิ่งกว่าสำคัญ นายกฯยังกล้าถามว่า แล้วประเทศไทยจะเสียประโยชน์ตรงไหน?

จริงๆ แล้วผมกลับคิดว่า นายกฯเองนั่นแหละที่จะต้องตอบคำถามคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะตอบชาวบ้านที่อยู่ริมฝั่งโขงให้ได้ก่อนว่า แล้วประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไร

โครงการนี้เคยจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) มาก่อนหรือไม่

โครงการนี้ได้มีการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชุมชนมาก่อนหรือเปล่า

รัฐบาลมีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการค้าผ่านระบบขนส่งในแม่น้ำโขงแล้วหรือไม่

แผนการพัฒนาท่าเรือริมฝั่งโขงของไทยหน้าตาเป็นยังไง

แผนพวกนี้มีบ้างหรือเปล่าล่ะครับ ถ้ามีก็ต้องเอามาโชว์ ให้มันรู้กันว่าประเทศไทยจะเสียประโยชน์ตรงไหน หรือจะได้ประโยชน์อย่างไร

ไม่ใช่อยู่ๆไม่ทำการบ้านอะไร แล้วจะมา “มัดมือชก” ทำโน่นทำนี่ตามอำเภอใจแบบนี้

แบบนี้เขาเรียก“ไม่แฟร์”

มะลิลา

Leave a comment