รายงานพิเศษ : กรมพัฒนาที่ดินจับมือหน่วยงานรัฐ-เอกชน ยกระดับสินค้าเกษตรอินทรีย์สู่มาตรฐานสากลด้วย‘PGS’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/253539

วันจันทร์ ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดิน เป็นผู้แทนในการลงนามความร่วมมือกับธนาคาร พัฒนาแห่งเอเชีย ภายใต้โครงการ TA-REG 8163 Implementing the GMS Core Agriculture Support Program, Phase II และมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย (มกอท.) (Thai Organic Agriculture Foundation, TOAF) เป็นองค์กรสนับสนุนด้านเทคนิควิชาการ
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ในการพัฒนากลุ่มเกษตรอินทรีย์ด้วยกระบวนการรับรองแบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee Systems, PGS) มีเป้าหมายการยอมรับของตลาดภายในประเทศและภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยกระบวนการตรวจและรับรอง
ใช้หลักการ PGS, IFOAM และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ประเทศไทย (Thai Standard Agriculture) มกษ.9000

ปัจจุบันได้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อเข้าการรองรับเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมแล้วใน 5 จังหวัด 5 กลุ่มนำร่อง ประกอบด้วย กลุ่มสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ทัพไทย จ.สุรินทร์ กลุ่มอินทรีย์สุขใจ พี จี เอส จ.นครปฐม กลุ่มสหกรณ์เกษตรอินทรีย์เชียงใหม่ พี จี เอส จ.เชียงใหม่ กลุ่มสหกรณ์สมุนไพรแม่มอก พี จี เอส จ.ลำปาง และกลุ่มสหกรณ์เกษตรอินทรีย์เพชรบูรณ์จำกัด ได้ทำการเกษตรผสมผสานในระบบเกษตรอินทรีย์ ทำให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ มีเงินทุนหมุนเวียนในชุมชนกว่า 100 ล้านบาทต่อปี เฉลี่ยครัวเรือนละ 200,000 บาท และกรมได้มีการลงนามความร่วมมือพัฒนาและขยายช่องทางการตลาดผลไม้คุณภาพเพื่อเข้าสู่กระบวนการเกษตรอินทรีย์ ผ่านการรับรองแบบมีส่วนร่วม หรือ PGS ระหว่าง กลุ่มเกษตรกรชาวสวนบ้านหัวอ่าว ต.บางช้าง อ.สามพราน จ.นครปฐม กับ กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม บริษัทเซ็นทรัลฟู้ดส์รีเทล จำกัด มูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์ สหกรณ์การเกษตร อ.สามพราน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อ.สามพราน กลุ่มเกษตรอินทรีย์บางช้าง และมูลนิธิสังคมสุขใจ

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า ข้อตกลงความร่วมมือที่เกิดขึ้น จะเป็นการยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทย ให้ได้รับการยอมรับและมีมาตรฐานสากล โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีแปลงเกษตรอินทรีย์ขนาดเล็ก ได้มีการร่วมกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อมูลข่าวสาร และองค์ความรู้ระหว่างกัน การช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลให้สามารถเข้าถึงช่องทางการตลาด เพื่อสร้างความเข้มเเข็งให้แก่กลุ่มเกษตรอินทรีย์ในประเทศ การรวมกลุ่ม PGS จะส่งผลให้สมาชิกมีเวทีพัฒนากระบวนการทางสังคม กระบวนการผลิต การตลาด ความสัมพันธ์ที่ดีของเครือข่าย PGS และผู้บริโภค ทำให้เกิดการพัฒนาการเกษตรที่ผลิตอาหารที่ดีมีคุณภาพ รวมถึงเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน โดย PGS จะช่วยเสริมการพัฒนากลุ่มให้มีระบบและทิศทางที่ชัดเจน เพิ่มขีดความสามารถในการเเข่งขันให้แก่เกษตรอินทรีย์ ทำให้แนวโน้มว่าระบบ PGS จะช่วยส่งเสริมการค้าเกษตรอินทรีย์ในอนุภาคลุ่มน้ำโขงอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับบันทึกข้อตกลงดังกล่าว จะมีระยะเวลาในการดำเนินงาน 2 ปี โดยทั้ง 10 หน่วยงาน ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ โดยมุ่งพัฒนาและสร้างคุณภาพกระบวนการผลิตภาคการเกษตร
(ผลไม้) ของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนบ้านหัวอ่าวทั้งระบบ เพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้เกิดความสุข มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และพัฒนาเป็นหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์ (Organic Village) ต่อไป

Leave a comment