ยึด‘ปลอดภัย’ขึ้นทะเบียนสารเคมี เกษตรฯย้ำใช้หลักวิชาการพิจารณา-ชี้ผลล่าสุดสอบตกระนาว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/254109

วันศุกร์ ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า วัตถุอันตรายถูกควบคุมโดย พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 กำหนดให้มีคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร โดยมีอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธาน เพื่อควบคุมกำกับดูแลการใช้วัตถุอันตรายให้เป็นไปตามหลักวิชาการ และปลอดภัย เพื่อคุ้มครองเกษตรกรและผู้บริโภค โดยวัตถุอันตรายจำแนกเป็น 4 ชนิด คือ

ชนิดที่ 1 ได้แก่ วัตถุอันตรายที่การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด, ชนิดที่ 2 ได้แก่ วัตถุอันตรายที่การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง ต้องขอขึ้นทะเบียน และแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อน, ชนิดที่ 3 วัตถุอันตรายที่การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง ต้องขอขึ้นทะเบียนและต้องได้รับใบอนุญาต และชนิดที่ 4 ได้แก่ วัตถุอันตรายที่ห้ามมิให้มีการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง โดยปัจจุบันมีวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 และ 3 ที่ผ่านการขึ้นทะเบียน 302 ชนิดสาร รวม 9,526 ทะเบียน และมีการออกประกาศวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 แล้ว 98 ชนิด ซึ่งในอดีตมีคำขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายสะสมอยู่มากกว่า 4,000 คำขอ

นายสุวิทย์กล่าวต่อว่า ได้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย โดยลำดับแรก ให้ความสำคัญกลุ่มวัตถุอันตรายที่มีความปลอดภัย ได้แก่ สารสกัดจากธรรมชาติ สารชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช และกลุ่มสารเคมีที่มีผลการทดสอบประสิทธิภาพในพืชอาหาร มีข้อมูลความเป็นพิษน้อย ตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก เพื่อสนองตามนโยบายส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลำดับที่ 2 เป็นสารเคมีที่จำเป็นต้องใช้แต่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ในกลุ่มแรก โดยใช้ข้อมูลการประเมินความเสี่ยงอันตรายและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจภายใต้หลักวิชาการ 3 ข้อ คือ ข้อมูลพิษวิทยา ผลการทดลองประสิทธิภาพ และผลการวิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้การประชุมคณะอนุกรรมการ กำหนดให้มีการประชุมเป็นวาระปกติเดือนละ 2-3 ครั้ง โดยพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียนครั้งละ 50-90 คำขอ ซึ่งการประชุมครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มกราคม เป็นการพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย 50 คำขอ แต่มีคำขอผ่านการพิจารณารับขึ้นทะเบียนเพียง 9 คำขอ ไม่ผ่าน 41 คำขอ เนื่องจากผลการทดลองประสิทธิภาพไม่ได้ทำในพืชอาหาร เป็นสารที่มีข้อมูลว่าก่อให้เกิดการระบาดเพิ่มของศัตรูพืช และอีกจำนวนหนึ่งผ่านความเห็นในหลักวิชาการโดยให้รับขึ้นทะเบียนได้ เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความให้สามารถใช้ผลการทดลองประสิทธิภาพร่วมได้ อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นคำขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่เคยอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนไว้ก่อนแล้ว แต่มีผู้ประกอบการรายอื่นประสงค์จะขอขึ้นทะเบียนสารดังกล่าวด้วย

“การพิจารณาขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร คณะอนุกรรมการ ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มวัตถุอันตรายที่มีความปลอดภัย ได้แก่ สารสกัดจากธรรมชาติ สารชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช และกลุ่มสารเคมีที่ใช้ในพืชอาหาร มีข้อมูลความเป็นพิษน้อย ส่วนที่เหลือพิจารณาตามลำดับการยื่นคำขอโดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ที่สำคัญ 3 ข้อ คือข้อมูลพิษวิทยา ผลการทดลองประสิทธิภาพ และผลการวิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งการขึ้นทะเบียนครั้งล่าสุดไม่ได้เป็นการขึ้นทะเบียนสารใหม่แต่เป็นสารเดิมที่เคยให้ขึ้นทะเบียนไว้ก่อนแล้ว เพื่อเป็นการคุ้มครองเกษตรกรซึ่งยังมีความจำเป็นต้องใช้โดยต้องใช้ตามหลักเกษตรดีที่เหมาะสมสำหรับพืชเศรษฐกิจบางชนิดในประเทศไทย” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

Leave a comment