ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/255494
วันอังคาร ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 06.00 น.
ประธานสันนิบาตสหกรณ์คนใหม่ พร้อมสานต่อนโยบายกรรมการชุดเก่าเพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการพัฒนาประเทศไปสู่ “ประเทศไทย 4.0” เน้นเชื่อมโยงหน่วยงานรัฐเพื่อความคล่องตัวในการขับเคลื่อนขบวนการสหกรณ์ โดยเฉพาะสหกรณ์การเกษตรที่ต้องเร่งช่วยเหลือ เยียวยาจากผลกระทบภาคเกษตร
นายมงคลัตถ์ พุกะนัตถ์ ประธานกรรมการดำเนินการ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) กล่าวว่า เดิมเป็นประธานสหกรณ์การเกษตรบางพลี จำกัด แต่ได้รับเลือกจากสหกรณ์ทั่วประเทศให้เป็นประธานกรรมการดำเนินการ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นองค์กรสูงสุดในขบวนการสหกรณ์ ก็มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาขบวนการสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน ซึ่งความจริงก็ไม่ใช่คนใหม่ในสันนิบาตฯ เพราะเคยรับหน้าที่ประธานและผู้ตรวจ มาหลายสมัย จึงค่อนข้างรู้หลักการทำงานของสันนิบาตฯ เป็นอย่างดี ดังนั้น การเข้ามาบริหารงานในครั้งนี้ จึงจะสานต่อนโยบายที่คณะกรรมการชุดเก่าทำไว้ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ซึ่งสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยในฐานะหัวขบวนการสหกรณ์ทั้ง 7 ประเภท มีทิศทางที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งมียุทธศาสตร์ในการสร้างความมั่นคงด้านการสหกรณ์ เพื่อยกระดับการพัฒนาในด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมที่จะช่วยให้การบริหารจัดการ การผลิต การตลาด เป็นปัจจัยสำคัญ จึงเป็นหน้าที่และภารกิจของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยที่จะพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยี การบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล นอกจากนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง และขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี จึงจำเป็นต้องมีการทบทวนปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาสันนิบาตสหกรณ์ฯ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนตอบสนองนโยบายของรัฐบาลตาม “แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย 20 ปี (พ.ศ.2560-2579)” เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ในการเตรียมพร้อมสาหรับการเปลี่ยนแปลงภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการพัฒนาประเทศไปสู่ “ประเทศไทย 4.0” อีกด้วย

สำหรับแนวทางการทำงานจะให้ความสำคัญของสหกรณ์มากกว่าสันนิบาตฯ เนื่องจากสหกรณ์ต่างๆ เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในขบวนการสหกรณ์ และให้การสนับสนุนการทำงานของสันนิบาตฯ มาโดยตลอด ในขณะที่สันนิบาตฯ โดยภาพรวมถือว่ามีความเข้มแข็งอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องไปช่วยเหลือให้สหกรณ์ต่างๆ ทั้ง 7 ประเภท มีความเข้มแข็งเพื่อเดินไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยมีนโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำคือ ให้การศึกษากับสมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศ ให้มีแนวปฏิบัติตามแนวทางของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ โดยเฉพาะกรณีที่สมาชิกสหกรณ์ที่จะเป็นผู้ตรวจสอบกิจการต้องผ่านการฝึกอบรมจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เท่านั้น สันนิบาตฯ จึงได้ทำข้อตกลง (MOU) กับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เพื่อเป็นผู้จัดฝึกอบรมและออกใบรับรองให้ผู้เข้าอบรมได้เลย เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ต่างคนต่างอบรม เพราะสุดท้ายก็ต้องไปขอการรับรองจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการอีกประการคือ เรื่องของ พ.ร.บ.สหกรณ์ที่มีการแก้ไข เช่น เรื่องของภาษีธุรกิจจำเพาะและเรื่องของค่าบำรุงที่จะเกิดขึ้นใหม่ จากเดิม 5% (ไม่เกิน 10,000 บาท) มาเป็น 1% (ไม่เกิน 30,000 บาท)
“การบริหารงานในวาระนี้ จะเน้นไปที่การช่วยเหลือสหกรณ์ด้านการเกษตรเป็นหลัก เพราะเป็นเรื่องของปากท้อง และในช่วงที่ผ่านมาภาคเกษตรได้รับผลกระทบมามาก จึงจำเป็นต้องหาแนวทางให้สันนิบาตฯ เข้าไปมีส่วนร่วมในการเยียวยาและสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์กลุ่มนี้ โดยสันนิบาตฯ จะต้องเชื่อมโยงการทำงานกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้มากขึ้น ส่วนสหกรณ์ประเภทอื่นส่วนใหญ่ค่อนข้างเข้มแข็งอยู่แล้วและไม่ได้รับผลกระทบมากนัก อาจมีบางสหกรณ์เท่านั้นที่มีปัญหา แต่ก็มีการแก้ไขไปตามระบบ และไม่อยากให้สังคมเหมารวมว่าขบวนการสหกรณ์ไม่ดี ทั้งนี้ อยากขอบคุณสมาชิกสหกรณ์ทุกแห่ง ที่ให้การสนับสนุนสันนิบาตฯ มาโดยตลอด ดังนั้น หากสหกรณ์ต่างๆ จะมีแนวทางหรือข้อเสนอแนะอะไร เพื่อร่วมกันพัฒนาขบวนการสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน สามารถมาหารือกันได้ตลอดเวลา” นายมงคลัตถ์ กล่าว
