ส่องเกษตร : เยียวยาภาคใต้…อย่าตั้งแง่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/255646

วันพุธ ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 06.00 น.

449007

ภาคใต้ที่เผชิญกับวิกฤติน้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุดติดต่อกันถึง 3 รอบ 3 ระลอกมาตั้งแต่ปลายปี 2559 ต่อเนื่องถึงปีใหม่ 2560 ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างรวม 12 จังหวัด ตอนนี้ถือว่า น้ำลดลงสู่ภาวะปกติจนหมดแล้ว แต่ความเดือดร้อนลำเค็ญยังเป็นประเด็นที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการฟื้นฟูเยียวยาภาคการเกษตรที่เสียหายอย่างยับเยิน

ทั้งนี้ มีตัวเลขโดยคร่าวๆว่า น้ำท่วมภาคใต้ 12 จังหวัด นับตั้งแต่วันที่ 1ธันวาคม 2559 ถึงวันที่ 30 มกราคม 2560 ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในพื้นที่ร่วม 5 แสนราย โดยมีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบกว่า 1.11 ล้านไร่ แบ่งเป็นนาข้าวกว่า 2.77 แสนไร่, พืชไร่กว่า 5.5 หมื่นไร่ และพืชสวนและอื่นๆอีก 7.78 แสนไร่

ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ฉัตรชัยสาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ เร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยจัดเป็นแผนงานเร่งด่วน,แผน ระยะกลาง และแผนระยะยาว เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลาง จากครม. ใช้ลดความเดือดร้อนของเกษตรกรและประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะการฟื้นฟูหลังน้ำลด และการบำบัดน้ำเน่าเสียที่เกิดจากน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานาน

ขณะที่นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บอกกับสื่อถึงมาตรการเยียวยาเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ไว้ว่า เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ(พืช/ยางพารา/ปศุสัตว์/ประมง) จะได้รับเงินช่วยครัวเรือนละ 3,000 บาท ได้ขยายระยะเวลาชำระหนี้ 6 เดือน ลดดอกเบี้ย 3% สำหรับลูกหนี้สมาชิกสหกรณ์ /กลุ่มเกษตรกร/ลูกหนี้กองทุนในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ รวม 3.7 แสนราย ส่วนกรณีการชดเชยความเสียหาย ถ้าพื้นที่เสียหายสิ้นเชิง สำหรับนาข้าวจะได้รับเงินชดเชยเยียวยา 1,113-33,350 บาท/ราย,พืชไร่ 1,148-34,440 หมื่นบาท/ราย,ไม้ผล/ปาล์ม 1,690-50,700 บาท/ราย, ยางพาราเสียหายบางส่วนชดเชย 1,690-50,700 บาท และให้ทุนปลูกแทนไร่ละ 1.6 หมื่นบาท ส่วนสัตว์น้ำ ประมง) ปลาทุกชนิดชดเชย 4,224- 21,125 บาทต่อราย กุ้ง/ปู/หอย ชดเชย 1.092-54,600 บาทต่อราย และกระชัง/บ่อ ชดเชย 315 -25,200 บาทต่อราย

ปลัดฯธีรภัทรบอกด้วยว่า นอกจากนี้กระทรวงยังมีโรดแมปการช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ มีเป้าหมายเพื่อให้การดำรงชีวิตของเกษตรกรกลับสู่ภาวะปกติหรือพัฒนาให้ดีกว่าเดิม โดยจัดเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางกว่า 5,470 นาย ลงพื้นที่ไปปฏิบัติงานช่วยเหลือเกษตรกร อาทิ บริการคลินิกเกษตร 5 แสนรายมีทั้งคลินิกพืช สัตวแพทย์และประมง,จัดเจ้าหน้าที่ส่วนกลางเพิ่มเติม 120 นาย เพื่อดูแลสุขภาพสัตว์/ป้องกันโรค และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เกษตรลุ่มต่ำ เช่น พื้นที่ปลูกส้มโอทับทิมสยาม และอื่นๆ เป็นต้น โดยจะใช้ทั้งงบปกติและจะขอจากรัฐบาลเพิ่มเติม

ก็ถือว่า กระทรวงเกษตรฯเตรียมมาตรการเยียวยาไว้แล้ว แต่ประสิทธิภาพในการช่วยเหลือเยียวยา ก็ต้องให้มันเร็วไวด้วย เพราะพี่น้องเกษตรกรภาคใต้ทุกข์หนักกับน้ำท่วมมายาวนานพอสมควรแล้ว ย่อมหวังว่า เมื่อน้ำลด จะได้รับการฟื้นฟูให้ทันท่วงที ด้วยที่ผ่านมาไม่เพียงความเสียหายจากน้ำท่วม ยัง“เสียโอกาส”ไปไม่น้อย เช่น ชาวสวนยางพาราที่น้ำท่วมทำเสียโอกาสกับการกรีดยางขายในช่วงที่ยางราคาดียิ่ง เป็นต้น

ส่วนกรณีของชาวนาในสงขลาที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งให้ความช่วยเหลือสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อใช้ปลูกข้าวในพื้นนาที่เสียหายจากน้ำท่วมกว่า 1 แสนไร่ โดยมีนักการเมืองอดีตสส.ในพื้นที่ออกมามีส่วนนำชาวนา กระทั่งถูกโฆษกรัฐบาลอย่างพล.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ติติง มองการเคลื่อนไหวของนักการเมืองไปในแง่งบนั้น

ผมเองอยากจะให้รัฐบาลเปิดใจกว้างสักนิด ที่ผ่านมาช่วงที่น้ำท่วมอยู่ ทุกภาคส่วนพยายามเข้าไปช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือ นับเป็นเรื่องที่ดี และเมื่อน้ำลดแล้ว แต่ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่อีก ซึ่งแน่นอนบทบาทหลักเป็นหน้าที่หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ เช่น กระทรวงเกษตรฯและหน่วยงานปกครองท้องถิ่นต่างๆ แต่ภาคส่วนอื่นที่เข้ามาช่วยเรียกร้องให้กับเกษตรกร เพื่อเร่งรัดให้การทำหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวดเร็ว ตรงจุดมาก ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียหายอะไร ถ้าไม่ได้ปลุกระดมให้เกิดการเคลื่อนไหวอะไรที่ไม่เหมาะสม ก็ไม่น่าจะต้องมองไปในแง่ร้าย

บ้านเมืองจะปรองดองกันง่ายขึ้น ถ้าลดอคติกันลงเสียบ้าง ผมว่านะ

สาโรช บุญแสง

Leave a comment