ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/entertain/258921
วันอาทิตย์ ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.
เคยเป็นนักร้องนักแสดงที่หลายคนรู้จักกันดีแต่ตอนนี้ แมน-วทัญญู มุ่งหมาย ผันตัวเองไปสู่ บทบาทอาจารย์สอนหนังสือ ซึ่งเป็นงานที่เขารักไม่แพ้งานในวงการบันเทิง และด้วยสายเลือดของศิลปินทำให้แมนไม่ทิ้งงานร้องเพลง เขายังคงขึ้นคอนเสิร์ตและทำเพลงอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดแว่วมาว่ากำลังซุ่มเตรียมซิงเกิ้ลใหม่ออกมาเอาใจแฟนๆ อีกครั้ง
อัพเดทชีวิต
ตอนนี้ผมเป็นอาจารย์พิเศษสอนอยู่ที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก รับเป็นวิทยากร อบรมเรื่องราวต่างๆ เป็นที่ปรึกษาหนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ และมีบริษัทของตัวเองชื่อ บริษัท สตาร์อีส บอร์น จำกัด ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัททำเกี่ยวกับการประกวด เกี่ยวกับการจัดอีเว้นท์ต่างๆ และล่าสุดเป็นหนึ่งในผู้จัดงาน MR.International 2016 ผมก็เข้าไปช่วยในเรื่องการประชาสัมพันธ์ มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เป็นการกลับเข้ามาทำงานในแวดวงอย่างนี้อีกครั้งหนึ่งในรอบ 20 ปีครับ

หายไป 20 ปี
เรียนหนังสือครับ จบปริญญาตรี อันแรกเลยนะ ศิลปศาสตร์บัณฑิต (รัฐศาสตร์) B.A. (POLITICAL SCIENCE ) มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาการปกครอง ภาคพิเศษ รุ่น 5 แล้วก็ ปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการเมืองการปกครอง (Master of Arts Program in Politics and Government for Executives) คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ MPE 14 และ ปริญญาโท นิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการสื่อสารการท่องเที่ยวและบันเทิง Master of Communication Arts (Tourism and Entertainment) M.A. (Tourism and Entertainment) มหาวิทยาลัยเกริก รุ่นที่ 2 ระหว่างที่เรียนก็ไปเจออาจารย์ท่านหนึ่งที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขามีการจัดอบรมสัมมนา เขาชวนมาเป็นอาจารย์นิเทศศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเกริก แล้วผมก็ได้เขียนหลักสูตรที่ชื่อว่า สื่อสารการเมืองบูรณาการ เรียกว่าเป็น Integrated Political Communication
พอบรรจุเป็นอาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยเกริก ผศ.มุทิตา อารยะเศรษฐากร ผู้อำนวยการหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต และมหาบัณฑิต รศ.ปรีชา พันธุ์แน่น รองคณบดี คณะนิเทศศาสตร์ ท่านก็ดูแลให้ทำวิจัย เคป๊อป และเป็นหัวหน้าสาขาสื่อสารการเมือง ก็สอนมาเรื่อยจน 2556 งานอย่างอื่นก็เข้ามาเป็นวิทยากร ไปโน้นไปนั่นก็เลยไม่มีเวลา ต้องออกมาเป็นฟรีแลนซ์ และไปสมัครที่ม.ศรีปทุม เป็นอาจารย์ประจำแบบพิเศษ ทำพีอาร์ประชาสัมพันธ์ให้เขา ได้เรียนรู้มาตรฐานที่นี่ อยู่ตรงนี้ประมาณปีกว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าประชาสัมพันธ์ของคณะนิเทศศาสตร์ แต่ก็มีเรื่องเวลาการเข้างานเลยออกมาเป็นฟรีแลนซ์ ตามมหาวิทยาลัยต่างๆมีสอนที่ม.มหิดล อินเตอร์ สอนนิเทศศาสตร์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

จุดเริ่มต้นการได้มาเป็นอาจารย์ที่ม.เกริก
ทำมาประมาณ 10 ปีแล้วนะครับ ตอนนี้ก็เหมือนเพิ่งกลับมาอีกครั้ง ผมสอนภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร แล้วก็สื่อสารการเมืองเปรียบเทียบ บุคลิกภาพ แต่จะเน้นเรื่องการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร เพราะคนใช้ภาษาไทยผิดกันเยอะ ตอนนี้ก็เป็นอาจารย์ประจำแบบพิเศษอยู่ที่นี่ครับ
ลูกศิษย์ของครูแมนเป็นอย่างไร
บางคนอายุ 60 ปี บางคนก็เป็นพี่เราอีก เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ นักการเมือง สส. ผมก็บอกว่า ต้องถอดหัวโขนไว้ที่บ้านนะ ถ้ามาเรียนที่นี่ แล้วก็เป็นลูกศิษย์อาจารย์แมน เราคืออาจารย์ก็ต้องให้ความรู้ หลังจากนั้นเวลาจบไป ไหว้อาจารย์แมนตลอด
ย้อนความทรงจำกับวงการบันเทิง
เริ่มต้นด้วยการร้องเพลง เพราะชอบร้องเพลงแต่เด็ก เป็นนักร้องประกวดชิงชนะเลิศ ซิวเนชั่นแนล ปี 2526 ได้รางวัลป๊อปปูล่าร์โหวต และรางวัลนักร้องดีเด่น แล้วก็เป็นตัวแทนนักร้องประเทศไทยร่วมประกวดนักร้องยอดเยี่ยมเอเชียที่ประเทศฮ่องกง ปี 2530 หลังจากนั้นก็ไปสมัครเป็นนักจัดรายการที่ช่อง 7 และ เป็นนักเรียนการแสดงรุ่นที่ 1 ของช่อง 7 สี ทำให้ได้เล่นละคร พากย์หนัง อ่านสปอร์ตโฆษณา

งานแสดงสร้างชื่อ
ละครเรื่อง ข้าวเปลือก บัวแล้งน้ำ ตำรับรักรับบทเป็นตัวร้ายครับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แจ้งเกิดให้เรา แต่จริงๆ แล้วผมเริ่มจากบทพระเอกก่อนนะ เรื่องแรกกับ หมิว-ลลิตา เรื่อง ลานลูกไม้ ทางช่อง 3หลังจากนั้นก็มาเป็นภาพยนตร์ วัยเปรี้ยว คู่กับ มาช่าวัฒนพานิช และหนังเรื่องแรกที่ไปถ่ายทำที่เมืองจีน เรารักกันนะที่ปักกิ่ง ร่วมกับ พงษ์พัฒน์ และ อรพรรณแล้วตอนนั้นเกือบจะโกอินเตอร์แล้ว เพราะหน้าตาเหมือนคนจีน พอเขาเห็นว่าเราเล่นร้ายได้ ได้เล่นภาพยนตร์เรื่อง พรหมจารีสีดำ เล่นกับ นาตยาแดงบุหงา ทำให้เรื่องนี้เราได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทอง คนดูแฟนๆ รู้จักผมมากขึ้น และเรื่องสุดท้ายที่เล่นไว้ก็คือ ละครเรื่อง ฟ้ากระจ่างดาวทางช่อง 7 สี ร่วมกับ ป๋อ-ณัฐวุฒิ, นุ่น-วรนุช แล้วหลังๆ ก็มีบทเสนอเข้ามาเรื่อยๆ นะ แต่ไม่ใช่ตัวร้ายเด่นๆเราก็เลยปฏิเสธไป พอปฏิเสธไปเยอะๆ ก็เริ่มพิจารณาตัวเองว่าสงสัยอยู่วงการนี้ค่อนข้างจะไม่ได้เป็นอาชีพแล้วมั้ง เพราะเราก็มีขอบเขตในการทำงานแล้วที่บ้านเป็นข้าราชการกันเกือบหมดเลยหมอ พยาบาล ผมก็เลยมาเป็นอาจารย์นี่แหละครับ
หักเหจากบทพระเอกเป็นตัวร้ายเพราะ
คุณสุรางค์ เปรมปรีดิ์ บอกว่า แมนน่าจะเล่นเป็นบทร้ายนะ เพราะตาของคุณเป็นคนที่ตามองลึก เป็นคนมองอะไรแล้วเห็นมันเคลียร์ ละครเรื่องแรกที่เล่นร้ายเลยก็คือ ตำรับรัก ดังมากตอนนั้น เล่นเป็น ไพรสัช แต่ว่าคนไม่เรียกไพร เรียก สัช (หัวเราะ) เพราะว่าเลวมากบทนี้ เกิดเลยเรื่องนั้น ดังเลยเดินไปไหนก็ สัช สัช (หัวเราะร่วน)
ทำไมไม่กลับมาแสดงละครหรือร้องเพลง
มีติดต่อมานะครับ แต่ผู้จ้างเขาก็จะทราบว่าเรามีภารกิจติดหลายอย่าง เราก็เลยปฏิเสธ แต่ก็ได้ทำเพลงช่วงที่รัชกาลที่ 9 ยังไม่เสด็จสวรรคตเมื่อ 4-5 ปีก่อน ผมได้ร้องเพลง คีตราชัน เวลาไปงานไหนก็ร้องเพลงนี้ กลายเป็นเพลงฮิตของเราในตอนนี้ แต่สมัยก่อนเพลงฮิตของเราคือ อรุณสวัสดิ์ และล่าสุดหลังจากที่รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตแล้วเราก็ได้แต่งเพลงเอง ร้องเพลงเอง ชื่อเพลง คีตราชันเสด็จสู่สวรรคาลัย แล้วก็ได้ร้องเพลง ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ดัดแปลงเนื้อร้องจาก อ.โอฬาร น้อยช้อย ในเวอร์ชั่นของผม

มุมมองในวงการบันเทิง
ภาพอดีตจะเป็นภาพความรักฉันพี่น้อง แล้วก็ไป-มาหาสู่ สัมมาคารวะ เคารพน้อบน้อม แต่ปัจจุบันนี้เด็กๆ มันอาจจะเกินยุคเกินสมัยไป ของผมจะอยู่ในช่วงระหว่างเก่ากับใหม่ ก็จะได้เรียนรู้ตรงนี้แต่สมัยนี้ก็จะเป็นใหม่ไปเลย เดินไปไหนมาไหนก็ไม่รู้จักผู้ใหญ่ไม่ไหว้หรือบางทีรู้จักครั้งที่สองก็ไม่ไหว้ล่ะไม่รู้จัก ก็เป็นวัฒนธรรมของเขาจะไปว่าเขาก็ไม่ได้เพราะมันเป็นยุคสมัยของเขา มันเป็นแนวทางของเขาเป็นวิถีชีวิตของเขาเราก็บังคับไม่ได้ แต่สิ่งที่อยากจะบอกเขาก็คือ ถ้าเขาได้เรียนรู้ในด้านจิตใจมากขึ้นกว่าวัตถุก็จะดี ก็ฝากบอกน้องๆ ที่เป็นนักแสดงด้วยว่ามันไม่ได้ยั่งยืน ก็ต้องหาอาชีพที่มั่นคงยั่งยืน เรื่องความสวยงาม ความหล่อ สักวันมันก็ต้องหายไป
ชีวิตครอบครัวปัจจุบัน
ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีแฟนมานานแล้ว สมัยก่อนเคยมี แต่ตอนนี้คนที่คุยเขามีลูกแล้วแต่เราก็ยังคงคุยกันปกติเหมือนเดิม แล้วผมก็มีความรู้สึกว่า เออ เราอยู่แบบนี้ก็ได้ไม่จำเป็น เอาให้ลูกให้หลาน แต่อนาคตไม่แน่นะเพราะบางคนที่ไม่คาดคิดว่าจะแต่งก็ยังแต่ง คืออะไรในโลกนี้ที่เรามองไว้ไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่างเลย ตอนนี้ก็โสดอยู่อย่างนี้แหละ มีความสุขกับงานต่อไปก่อน
บั้นปลายตัวเองที่มองไว้
ผมคิดว่าจะใช้ประโยชน์กับที่ดินที่อยู่ต่างจังหวัดที่เราซื้อไว้ อยากจะพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่ชีวิตเราก็ยังชินอยู่กรุงเทพฯ มาเกินครึ่งชีวิต 30 กว่าปีถ้าจะกลับไปอยู่ต่างจังหวัดก็คงไม่ได้ ก็คงจะอยู่ที่กรุงเทพฯ นี่แหละ แล้วก็สรรค์สร้างความดีให้กับสังคม เป็นคนทำงานเพื่อสังคม

หลักการดำเนินชีวิต
ผมได้น้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในเรื่องของความเพียร การเพียรก็ต้องทำในเรื่องที่ถูกต้องนะ บางคนเพียรในเรื่องที่ผิดก็จะยิ่งผิด ความเพียรนี่แหละสำคัญถ้าไม่เพียรก็ไม่ดี เพียรในเรื่องที่ไม่ผิดแล้วจะประสบความสำเร็จ และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เช่นเดียวกันคือ Be Original คือ จงเป็นต้นตำรับ คือต้องเป็นต้นตำรับในเรื่องความดี อะไรต่างๆ มันจะต้องมาจากตัวเราจริงๆ จงเป็นผู้ริเริ่มทำอะไรที่ดีๆ
วัย 50 ยังแจ๋วกับวิธีดูแลตัวเอง
ออกกำลังกายดูแลตัวเองมากๆ แต่ผมเป็นคนที่อยู่ในแวดวงหมอ พยาบาลอยู่แล้ว ก็จะเป็นคนที่รักตัวเอง มีอยู่ช่วงหนึ่งอายุ 30 ต้นๆ ไปตรวจเลือด แล้วเขาบอกว่าขาดโน้น ขาดนี่ ผมก็บำรุงใหญ่เลย จนตอนนี้เอารูปเก่าๆ มาดูแล้วรู้สึกว่าเปลี่ยนไปเยอะมาก (หัวเราะ) หลักๆ เลยออกกำลังกาย คิดบวก ทานอาหารเสริมที่มีประโยชน์ที่ร่างกายเราขาด ถึงจะงานเยอะ แน่นอนมีเหนื่อย แต่เราสนุกกับมัน พร้อมสู้อยู่ตลอดเวลา ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา ตื่นเต้นดีครับ

ออกซิงเกิ้ลเอาใจแฟนเพลงที่คิดถึง
ตอนนี้ก็กำลังคิดอยู่ เวลาออกไปร้องเพลงที่ไหนแฟนคลับก็จะมีบอกว่า เมื่อไหร่จะกลับมาทำเพลง บอกเลยว่ากำลังดูแนวอยู่ ไม่ใช่แบบเดิมแน่ๆ เปลี่ยนให้ทันยุคทันสมัย ส่วนเพลงเก่าก็คิดนะว่าจะเอามาทำใหม่ไหมหรือเป็นจัดคอนเสิร์ต มีหลายคนบอกให้ทำ แต่ผมคิดว่ารอก่อนให้ถึงเวลาให้เป็นเลขสวยๆ ก่อน เพราะตอนนี้เราก็ 50 กว่าแล้ว ซึ่งก็คงวนเวียนอยู่ในแวดวงนี้แหละ และคงรักความเป็นศิลปิน ผมคิดว่าน่าจะมีโอกาสได้กลับมาร้องเพลงเป็นซิงเกิ้ลให้ฟังกัน น่าจะปีนี้แหละ กำลังทำกัน
อยู่ครับ
ฝากให้คิดปรับชีวิตให้สมดุล
อยากจะให้ทุกคนลองดู ถ้าเกิดคุณเป็นคนรุ่นใหม่ ลองเอาชื่อตัวเองมาร้อยดูอย่างผม MAN ตัว M ก็คือ Morality มีคุณธรรม จริยธรรม ส่วน A คือ Attitude มีทัศนคติที่ดีต่อสังคม และN คือ New เป็นคนที่มองอะไรใหม่ๆ และ News อยู่ในข่าวสาร Normative ต้องเป็นคนที่อยู่ในจริยธรรมบรรทัดฐานของสังคม
มิน่าล่ะ…มีเทคนิควิธีคิดบวกแบบนี้นี่เอง อาจารย์แมนถึงได้ทำงานอย่างมีความสุข
ใบพร้าว
