ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/257416

วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 06.00 น.
วันจันทร์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ชาวบ้านเรียกกันเคยปากว่า“สภาพัฒน์”นำทีมโดยท่านเลขาธิการ-ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ได้แถลงข่าวตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) หรือก็คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2559 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ภาพโดยรวมดีขึ้น ถึงแม้ว่า GDP จะโตต่ำกว่าเป้าไปเล็กน้อยก็ตาม
ขณะที่ในส่วนของภาคการเกษตรเริ่มผงกหัวพ้นดิน จากที่เคยติดลบหนักในปีก่อนหน้านั้น และเป็นที่คาดหมายว่า ถ้าหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานตามแผนสนับสนุนการผลิตภาคเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้ภาคการเกษตรมีส่วนหนุนให้เศรษฐกิจไทยในปี 2560 นี้ขยายตัวสูงขึ้นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยปี 2559 มีการขยายตัว 3.2% ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 3.3% ไปเพียง 0.1% แต่เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ขยายตัวเพียง 2.9% ก็นับว่าเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น ซึ่งเลขาฯสภาพัฒน์ระบุด้วยว่า การขยายตัวเริ่มกระจายตัวไปสู่เศรษฐกิจภาคเอกชนมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ที่การผลิตภาคเกษตร,ภาคอุตสาหกรรม และการส่งออกสินค้าล้วนปรับตัวดีขึ้น
ดึงจากตัวเลขของสภาพัฒน์มาให้ดูกันในด้านการผลิตภาคเกษตรทั้งปี 2559 กลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ 0.6% แม้จะโตขึ้นแค่เล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่การผลิตภาคการเกษตรติดลบไปหนักถึง 5.7% แล้ว เท่ากับว่า การกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ 0.6% ถือว่าดีขึ้นมาก
ภาคการเกษตรไทยในปี 2559 เริ่มฟื้นตัวช่วงไตรมาส 3 และยิ่งดีขึ้นในไตรมาสที่ 4 หลังจากที่ย่ำแย่กับภาวะวิกฤติ“ภัยแล้ง”มาอย่างยาวนาน เมื่อฝนเริ่มตกเป็นปกติ ก็ทำให้การผลิตกลับมาดีขึ้น พืชเกษตรสำคัญที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ ข้าว,ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ขณะที่“ดัชนีราคาสินค้าเกษตร” ในไตรมาส 4 มีสินค้าหลายตัวที่ราคาเพิ่มขึ้น ทั้งอ้อย,ยางแผ่นดิบชั้น 3,ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวแวนนาไม แต่ราคาข้าวเปลือกและมันสำปะหลังลดลง
เกษตรกรมีรายได้ขยับมากขึ้น ประกอบกับได้รับมาตรการกระตุ้นช่วยเหลือจากภาครัฐ เมื่อฐานรายได้ภาคเกษตรดีขึ้น ก็ไปช่วยเศรษฐกิจโดยรวมในแง่ของการจับจ่ายใช้สอย ทำให้เงินสะพัดมากขึ้น ช่วยให้กลไกหลักของเศรษฐกิจอีกตัวหนึ่งคือดัชนี“การบริโภค”ขยายตัวดีขึ้นตาม โดยเฉพาะเรื่องการใช้จ่ายภาคครัวเรือน
อีกด้านหนึ่งที่มาหนุนภาคการเกษตรคือ การส่งออกที่เริ่มฟื้นตัว ถึงแม้ทั้งปี 2559 การส่งออกโดยรวมขยายตัวแค่ 0.45% แต่ก็เป็นการขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 4 ปี และยังมีหวังที่จะขยายตัวต่อในปี 2560 อย่างไรก็ตามในส่วนของสินค้าการเกษตรที่มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวสูงขึ้นในปี 2559 หลักๆก็เป็น ยางพารากับสินค้าในหมวดของอาหารทะเล เช่น กุ้ง ขณะที่ ข้าว,มันสำปะหลังและน้ำตาล มูลค่าการส่งออกยังลดลงอยู่
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2560 นี้ ทางสภาพัฒน์ประเมินว่า จะขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่ GDP จะโตขึ้นจากปี 2559 ที่ 3.0 ถึง 4.0% หรือค่ากลางก็คือ ขยายตัว 3.5% จากหลายปัจจัยสนับสนุน เช่น การฟื้นตัวและขยายตัวเร่งขึ้นของการผลิตภาคการเกษตรซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ฐานรายได้และการใช้จ่ายของครัวเรือนในภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้น, แนวโน้มการกลับมาขยายตัวของภาคส่งออกที่จะหนุนให้การผลิตและการลงทุนภาคเอกชนเร่งตัวขึ้น, การลงทุนภาครัฐยังอยู่ในเกณฑ์สูงตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสำคัญๆ,แรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวดีมาก เป็นต้น
สิ่งที่สภาพัฒน์ได้เน้นย้ำสำหรับการบริหารเศรษฐกิจในปี 2560 ที่ควรให้ความสำคัญก็มีหลายประเด็น และแน่นอนว่า ประเด็นสำคัญยิ่งอันหนึ่งก็คือ“การสนับสนุนการขยายตัวของการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร โดยต้องเพิ่มประสิทธิภาพและลดขั้นตอนทางการตลาดของสินค้าเกษตร เพื่อให้รายได้จากการจำหน่ายผลผลิตเป็นของเกษตรกรมากขึ้น,การส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่,การลดต้นทุนการผลิต,การปลูกพืชและการใช้วิธีการผลิตที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ และการปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตพืชที่มีมูลค่าสูงขึ้น”
จึงต้องตอกย้ำตรงนี้อีกทีว่า
บทบาทกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องมีประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ตามภารกิจเหล่านี้ให้ได้ ไม่งั้นก็เปลืองข้าวสุก เปลืองภาษีที่ประชาชน พี่น้องเกษตรกรจ่ายเป็น
เงินเดือนให้!
ประกิต พิลังกาสา