ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/258999
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแนวทางการจัดการภาคการเกษตร โดยใช้นโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มการผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่และใช้ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เป็นศูนย์ของเกษตรกรต้นแบบ ที่สามารถให้ความรู้เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการร่วมกัน ตั้งแต่การผลิต จนถึงการตลาดสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต มีการบริหารจัดการที่ดี ภายใต้การสนับสนุนและบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีการสนับสนุนทั้งด้านความรู้โดยใช้งานวิจัย เทคโนโลยี และการบริหารจัดการเข้าไปช่วยพัฒนา เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในด้านต่างๆ รวมทั้งยกระดับมาตรฐานและเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทย
โดยจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้เดินทางตรวจติดตามผลการดำเนินงานพื้นที่แปลงใหญ่ข้าวเกษตรสมัยใหม่ ต.ดู่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความพอใจในการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานเกษตรแปลงใหญ่
ทั้งนี้ พื้นที่แปลงใหญ่ข้าวเกษตรสมัยใหม่ต.ดู่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ที่มี ลุงบุญมีสุระโคตร เป็นประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวมีเกษตรกรสมาชิกประมาณ 1,200 คนแบ่งเป็น 5 กลุ่มย่อย มีพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ประมาณกว่า 20,000 ไร่ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล โดยจากการรวมกันผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านรายได้ที่ทำให้เกษตรกรได้รับมูลค่าเพิ่มจากการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และการพัฒนาคุณภาพ เฉลี่ยประมาณ 37,000 บาท /ครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดรายได้และลดต้นทุนในการใช้ปุ๋ยเคมี อาทิ การสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินโดยการปลูกพืชตระกูลถั่ว และการปลูกพืชหมุนเวียนในไร่นาเป็นต้น ซึ่งทำให้เกิดผลสำเร็จจากการรวมกลุ่มเกษตรกรและขยายผลอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงความก้าวหน้าของการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ในภาพรวมว่า จากการดำเนินงานปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเห็นผลสำเร็จแล้ว 600 แปลงซึ่งในปี 2560 ได้วางเป้าหมายให้สำเร็จ 1,512 แปลง ปัจจุบันผ่านการรับรองแล้ว 1,021 แปลง พื้นที่ 2,000,000 ไร่ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 รายจาก 33 สินค้าที่ได้ดำเนินการในปีที่ผ่านมา ขณะนี้ขยายเป็น 67 สินค้า เพิ่มจาก 9 กลุ่มประเภทสินค้า เป็น 10 กลุ่มประเภทสินค้า โดยประเภทสินค้าที่เพิ่มขึ้นคือ กลุ่มของแมลงเศรษฐกิจ อาทิ ผึ้งชันโรง และจิ้งหรีด โดยในการดำเนินงานที่ผ่านมา มีการแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์และขั้นตอนการบริหารจัดการแปลงใหญ่ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว และเกษตรกรเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยขณะนี้มีหลายจังหวัดที่ต้องการเพิ่มการดำเนินการแปลงใหญ่ให้มากขึ้นในหลายกลุ่มชนิดสินค้า ดังนั้น จึงคาดว่าภายในปลายปีนี้จะสำเร็จได้เกินเป้าหมาย ขณะที่ความก้าวหน้าในการเตรียมการเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูกที่จะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคมนี้ มีหลายจังหวัดได้บูรณาการงานและงบประมาณของทุกหน่วยงานเข้าไปรองรับเพื่อเตรียมการให้แก่เกษตรกร ทั้งการจัดหาปัจจัยการผลิต การเตรียมการเมล็ดพันธุ์ การเตรียมแปลงเพาะปลูก ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ได้มีแผนการดำเนินงานและเข้าไปดำเนินการเรียบร้อยแล้ว
