นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ กยท. ทุกจังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ เร่งช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับผลกระทบ โดยนอกจากเงินสวัสดิการช่วยเหลือรายละ 3,000 บาทแล้ว จะต้องให้แนะนำแนวทางการฟื้นฟูสวนยางอย่างถูกวิธีหลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมด้วย เพื่อให้ต้นยางสามารถให้ผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปิดกรีด

ทั้งนี้ จากการสำรวจพื้นที่สวนยางที่ถูกน้ำท่วมในเบื้องต้นมีประมาณ 32,655 ไร่ เกษตรกรชาวสวนยางได้รับความเดือดร้อน จำนวน 3,913 ราย ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง ชุมพร ปัตตานี ตรัง กระบี่ นราธิวาส ยะลา และสงขลา ซึ่งเกษตรกรเหล่านี้จะได้รับเงินสวัสดิการช่วยเหลือรายละ 3,000 บาท อย่างไรก็ตาม เมื่อน้ำลดและมีการฟื้นฟูสวนยาง พบว่า สวนยางที่ถูกน้ำท่วมของเกษตรกรมีเพียง 1,227 รายที่ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 15,000 ไร่ ซึ่ง กยท. ได้เร่งจ่ายเงินถึงมือเกษตรกรทั้งหมดแล้ว คิดเป็นเงิน 3,681,000 บาท นอกจากนี้ หากเป็นสวนยางที่เปิดกรีดแล้ว ยังสามารถขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนตามหลักเกณฑ์ของ กยท. ไร่ละ 16,000 บาทอีกด้วย ส่วนของกลุ่มยางเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่างให้การปลูกแทน กยท. จะดำเนินการเร่งจัดงวดงานเพื่อปลูกใหม่

“เกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมดังกล่าว และจะต้้องปลูกทดแทนนั้น สามารถนำแนวพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ในการทำสวนยางผสมผสานได้ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่ว่าราคายางพาราจะวิกฤติแค่ไหน โดยสามารถลดจำนวนต้นยางในการปลูกต่อไร่ได้ จากเดิมไร่ละไม่น้อยกว่า 76 ต้น เหลือไร่ละ 40 ต้น เพื่อให้มีพื้นที่เหลือในการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ หรือทำการเกษตรในด้านอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยง โดยที่ยังได้รับเงินส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนในอัตราเดิมคือไร่ละ 16,000 บาท” ผู้ว่าการ กยท.กล่าวในตอนท้าย